วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สิบสองวันในอินเดีย(๖)

(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่)
......หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่วัดไทยสิริราชคฤห์เรียบร้อยแล้ว เราเดินทางไปที่ ตโปธราม สายธารน้ำร้อนที่เชื่อกันว่ารักษาโรคได้ ชาวเมืองมาอาบน้ำตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสารก็เคยมาสรงน้ำที่นี่ และทำให้เกิดพุทธบัญญัติที่ห้ามอาบน้ำก่อนครบ ๑๕ วัน เนื่องจากพระองค์มาสรงน้ำที่ตโปธารามแต่พบพระสงฆ์กำลังสรงน้ำอยู่พระองค์ก็รอคอยจนประตูเมืองปิด พระองค์ทรงเคร่งครัดในคำสั่งมาก  เวลาปิดเปิดประตูนั้นจะเปิดปิดตามเวลา พระองค์ก็เลยต้องบรรทมนอกพระนคร เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบจึงกำหนดบัญญัติสิกขาบท  
        ปัจจุบันตโปธารามถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู ซึ่งมาอาบน้ำชำระบาปตามความเชื่อ...การอาบน้ำจะแบ่งตามวรรณะ  วรรณะสูงจะอยู่ชั้นบนและลดหลั่นกันลงมาตามระดับจนถึงระดับล่าง...

...ที่คุมขังพระเจ้าพิมพิสาร เป็นสถานที่พระเจ้าอชาติศัตรูพระโอรสนำพระราชบิดามาอยู่ที่คุกนี้ตามคำยุยงของพระเทวทัต พระเจ้าพิมพิสารถูกทรมานเพื่อให้สวรรคต มีเรื่องเล่าว่าพระองค์ทรงมีจิตใจที่อิ่มเอิบ  เนื่องจากพระองค์สามารถมองเห็นจีวรสีเหลืองของพระพุทธเจ้าที่อยู่บนยอดเขาคิชกูฏ ทำให้พระองค์สวรรคตอย่างสงบ ณ สถานที่แห่งนี้...
    
...ชีวกัมพวัน "สวนมะม่วงของหมอชีวก" หลังจากหมอชีวกได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์จนบรรลุเป็นพระโสดาบันแล้ว ได้มีจิตศรัทธาถวายสวนมะม่วงของตนให้เป็นอารามและเป็นโรงพยาบาลสงฆ์...


...บ่ายคลายร้อนแล้วได้เวลาที่เราจะขึ้นเขาคิชกูฏเพื่อไปสักการะพุทธสถานที่สำคัญ..ตามถนนพระเจ้าพิมพิสาร ระยะทางประมาณ ๙๐๐ เมตร เส้นทางลาดชันเล็กน้อยเดินได้อย่างสบาย ๆ ระหว่างทางจะมีสถานที่สำคัญคือ มัททกุจิ เป็นสถานที่พระนางโกศลเทวี พระมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร ตัดสินใจจะทำลายพระโอรสในพระครรภ์ ตามคำทำนายที่ว่าพระโอรสจะทำปิตุฆาต แต่ไม่สำเร็จตามความประสงค์ พระโอรสคือพระเจ้าอชาตศัตรู ในเวลาต่อมา..บนถนนเส้นนี้ยังมีเหตุการณ์ที่พระเทวทัตกลิ้งหินลงมาเพื่อปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า..ก่อนจะถึงยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของพระคันธกุฎี  ก็จะพบ "ถ้ำพระโมคคัลลานะ" "ถ้ำสุกรขาตา"หรือถ้ำคางหมู ที่พระสารีบุตรได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ขณะถวายงานพัดให้พระพุทธเจ้าที่กำลังทรงแสดงธรรมให้กับทีฆนขปริพพาชก หลานของพระสารีบุตร..จากนั้นก็จะมีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาที่ตั้งพระคันธกุฏี ซึ่งจะพบกุฏิพระอานนท์ ก่อนที่จะถึงพระคันธกุฎี

......

...พระอาจารย์นำสวดมนต์และนั่งสมาธิภาวนา  พร้อมกับเดินเวียนเทียนรอบพระคันธกุฎี ปิดทองพระคันธกุฎีและที่กุฏิพระอานนท์..ได้เวลาพระอาทิตย์อัสดงพอดีเราก็เดินทางกลับที่พัก..
..
.......

...บนเขาคิชกูฏใกล้ ๆ พระคันธกุฎี จะมีสถูปขนาดใหญ่ ก่อสร้างโดยพระเถระชาวญี่ปุ่น ซึ่งจะใช้กระเช้าขึ้นสู่พระสถูปองค์นี้..มีคนเข้าคิวเพื่อขึ้นกระเช้าเยอะมาก..แต่สำหรับชาวไทยเราจะเดินตามถนนพระเจ้าพิมพิสารขึ้นไปสักการะพระคันธกุฎีเป็นส่วนใหญ่ เพราะสามารถแวะสักการะถ้ำสุกรขาตาและถ้ำพระโมคคัลลานะได้ และระยะทางก็ไม่ไกลมากนัก สำหรับผู้สูงอายุสามารถขึ้นกระเช้าที่มีคนหามขึ้นไปได้ครับ คนละ ๑,๒๐๐ รูปี ครับ
.....

      ..ค่ำพอดีหลังจากลงจากลงจากเขาคิชกูฏ เรากลับไปพักที่วัดไทยสิริราชคฤห์ พรุ่งนี้เช้าจะเดินทางต่อไปที่นาลันทา ครับ...

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ

               ***สิบสองวันในอินเดีย(คลิก)








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น