วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สิบสองวันในอินเดีย(๑๓)

(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)

           เมืองสาวัตถี สมัยพุทธกาลเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศลมีพระเจ้าปเสนทิโกศลเป็นกษัตริย์และถือว่าเป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงประทับนานที่สุดคือ ๒๕ พรรษา ได้ทรงแสดงพระสูตร พระวินัย และชาดกที่สำคัญเช่นเรื่องนางจิญจามาณวิกา, โจรองคุลิมาล,ปฏาจารา และ พระเทวทัตถูกธรณีสูบ ฯลฯ
         เช้ามืดของวันที่เก้าในอินเดีย เราออกเดินทางจากที่พักวัดเกาหลีไปนมัสการสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ยมกปฏิหาริย์ เพื่อโปรดชาวสาวัตถีและข่มเจ้าลัทธิอื่น จากนั้นทรงเสด็จไปประทับจำพรรษาที่ดาวดึงส์ เมื่อออกพรรษาทรงเสด็จลงมาจากสวรรค์ในวันเทโวโรหนะที่สังกัสสนคร

          ลงจากเนินดินสถานที่ทรงแสดงยมกปฏิหาริย์ คณะเราไปรับประทานอาหารเช้าที่วัดไทยเชตวัน ฯ 
      จากนั้นก็ไปที่ เชตวันมหาวิหาร พระอารามนี้ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี เห็นสวนเจ้าเชตกุมารเหมาะสมที่จะสร้างเป็นอารามถวายแด่พระพุทธเจ้า  จึงได้เจรจาขอซื้อ เจ้าเชตได้เสนอราคาที่ดินโดยการให้นำแผ่นทองมาปูเรียงจนเต็มบริเวณที่ต้องการซื้อทั้งหมด ท่านจึงให้คนนำเกวียนบรรทุกแผ่นทองมาเรียงจนเกือบเต็มพื้นที่    เจ้าเชตเห็นถึงศรัทธาจึงร่วมทำบุญโดยมอบที่ที่เหลือให้ ท่านอนาถบิณฑิกะจึงได้จารึกชื่อเจ้าเชตไว้ที่ซุ้มประตู อันเป็นที่มาของชื่อวัดว่า "เชตวันมหาวิหาร"

       "..อเสวนา จะพลานัง  ปัณฑิตานัญจะ  เสวะนา ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง.."มงคลสูตร  บทสวดนี้ชาวพุทธจะคุ้นเคยเนื่องจากเป็นบทสวดที่พระสงฆ์จะใช้สวดในงานมงคล ขณะที่ทำน้ำพระพุทธมนต์ บทสวดนี้เป็นพระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงแสดงที่"พระเชตวันมหาวิหาร" แห่งนี้
......
อานนท์โพธิ์  ที่เชื่อว่าพระโมคคัลลานะนำเมล็ดพันธ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์
ที่พุทธคยามาให้กับอนาถบิณฑิกะเศรษฐีปลูก
ตามที่พระพุทธเจ้าบอกกับพระอานนท์ว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์
ที่พระองค์ทรงประทับเมื่อตรัสรู้ถือเป็นตัวแทนของพุทธองค์ได้
...............
บริเวณหน้าพระเชตวันมหาวิหารที่เทวทัตถูกธรณีสูบ

        จากนั้นไม่ไกลมากนักเราไปที่บ้านองคุลิมาล และบ้านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันอยู่ริมแม่น้ำอจิรวดี


            กลับมารับประทานอาหารกลางวันที่วัดไทยเชตวัน ฯพร้อมกับร่วมกันทำบุญเพื่อบำรุงวัดซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง


วัดเกาหลีที่เราพักเมื่อคืนนี้


.....

            วันนี้ถือว่าเป็นวันที่พระอาจารย์วิทยากร พระอาจารย์ จิตติพันธ์  กิตติวังโส จบภารกิจกับคณะของเราเนื่องจากการแสวงบุญสังเวชนียสถานตั้งแต่ สารนาถ พุทธคยา ราชคฤห์ ไวสาลี กุสินารา ลุมพินีและสุดท้ายคือที่สาวัตถี ครับ...พวกเราขอกราบขอบพระคุณที่ท่านได้กรุณาให้ความรู้ตลอดเวลาที่อยู่กับพวกเรา  และกราบขอขมาในสิ่งที่อาจจะล่วงเกินท่านพระอาจารย์โดยมิได้ตั้งใจ...
            คณะเรายังเดินทางต่อไปยังเมืองลักเนาว์ เมืองอัคราเพื่อชมทัชมาฮาล และอัครา ฟอร์ท  และไปขึ้นเครื่องบินกลับบ้านที่เดลลี
             ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น