วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ในหลวง


"ในหลวงจากพวกเราไปแล้วนะลูกนะ..."


Cr.ไทยรัฐทีวี

วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ในหลวง


         ........ใครเล่าเลยจะรู้ว่าในช่วงสุดท้ายของพระชนม์ชีพ สิ่งที่ในหลวง ร.9 ทรงอยากทำคืออะไร...
​เดือนกุมภาพันธ์ 2555 ในหลวงประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช วันหนึ่งมีรับสั่งให้คณะองคมนตรีเข้าเฝ้าฯ และตรัสว่า “ฉันจะตั้งกองทุนการศึกษา ให้เอาเงินฉันไปใช้ ไปทำอย่างไรก็ได้ เป้าหมายคือให้โรงเรียนสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง” แล้วมอบหมายให้องค์มนตรีที่ยังแข็งแรงอยู่ช่วยออกไปรีเสิร์ชหาโรงเรียนตัวอย่างเพื่อให้รู้ถึงปัญหา ที่สำคัญคือให้ทำเรื่องนี้อย่างเงียบๆ ไม่ต้องแจ้งผ่านทางหน่วยงานใดๆ ให้ไปอย่างผู้ใหญ่ใจดี ไปรถคันเดียว เพื่อที่จะได้ประหยัดเวลาและได้ข้อมูลที่แท้จริง
​หลังจากนั้นคณะองคมนตรีจึงสรรหาโรงเรียนเข้าโครงการ ‘โรงเรียนคุณธรรมจริยธรรม’ ได้ประมาณ 155 โรงเรียนทั่วประเทศ จึงมีรับสั่งว่า ทรงมีเงินที่ประชาชนทูลเกล้าฯ ถวายมามาก อยากจะนำคืนให้กลับประชาชน แต่ขอให้ทำในสิ่งที่ประหยัด ใช้วัสดุในพื้นที่ แต่ให้คงทนแข็งแรง
​ประการแรกที่โปรดฯ ให้ทำคือบ้านพักครู โดยให้เลือกบ้านพักครูที่แย่ที่สุดก่อนแล้วสร้างให้เขาใหม่ ประการที่ 2 คือปรับปรุงห้องน้ำครูและนักเรียน และประการต่อมาคือ ห้องเรียนที่ชำรุด หลังคารั่ว โต๊ะเรียน เก้าอี้ โดยให้มารับเงินที่พระองค์ไปใช้...
​ท้ายที่สุดในหลวงรับสั่งให้เลือกเด็กโรงเรียนละ 2 คน ทรงอยากให้ส่งให้เขาเรียนจนจบเท่าที่จะเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นปริญญา-โท-เอก ก็แล้วแต่เขา แต่ขอให้นำความจากพระองค์ท่านไปบอกเด็กว่า มีพระราชประสงค์ที่จะเห็น ‘เด็กที่เรียนดีนั้นเป็นคนดีด้วย’
​เช่นเดียวกันกับครู ทรงอยากให้ครูอยู่สบาย อยากอยู่ในโรงเรียนห่างไกล เพื่อที่เด็กๆ ในชนบทจะได้มีครูดีๆ สอนให้เป็นคนดี จึงมีรับสั่งให้คัดเลือกครูที่เก่ง ขยัน โดยจะพระราชทานเงินพิเศษหรือส่งเรียนต่อเพื่อให้มีความรู้เพิ่มเติม เพียงแต่ต้องสัญญาว่า อย่าทิ้งเด็ก อย่าทิ้งโรงเรียนที่ห่างไกลเหล่านั้น...
สำหรับกองทุนนี้ ในช่วงแรกในหลวงได้พระราชทานเงินจำนวน 200 ล้านบาท พร้อมกับรับสั่งว่า "หมดเมื่อไรก็บอก" ช่วงปีหลังๆ องคมนตรีก็ไม่กล้าไปกราบทูลว่าเงินหมดแล้ว เมื่อสมเด็จฯ พระเทพทรงทราบก็มีรับสั่งภายหลังว่า อย่าไปกวนในหลวงเลย ถ้าเงินหมดเมื่อใดให้มากราบทูลพระองค์ ซึ่งก็พระราชทานมาเป็นระยะๆ
​นี่คือสิ่งที่ในหลวงทรงทำเป็นลำดับท้ายๆ อาจเป็นเพราะทรงเล็งเห็นแล้วว่า ประเทศนี้ยังคงต้องการบุคลากรครูที่ดี ที่จะช่วยกันสร้างเมล็ดพันธุ์ที่เก่งและเป็นคนดี เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และจะนำพาให้ความสุขบังเกิดขึ้นแก่ประชาชนคนไทย...ประชาชนของในหลวง ร.9
#สานต่อที่พ่อทำ
เรียบเรียงจาก ปาฐกถาของ พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี งานครบรอบ 36 ปีแห่งการสถาปนาสถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จาก Facebook ดนัย จันทร์เจ้าฉาย, ปาฐกถาเฉลิมพระเกียรติเรื่องแนวพระราชดำริด้านการศึกษากับอนาคตประเทศไทย โดย ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี
****************
Cr.Fwd Line

วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560

วันที่พ่อไม่อยู่


#วันนี้ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ ร.๑๐ และสมเด็จพระเทพฯ จากผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งส่งมาให้ อ่านจบ อดไม่ได้ที่จะแชร์ต่อ เพราะเป็นประโยชน์มากๆ ควรจดจำให้ขึ้นใจ..ทิ้งไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว..เลยคัดลอกมาให้ทุกท่านได้อ่านด้วยกัน..
-
ร.10 และพระเทพฯทรงให้สัมภาษณ์ BBCไว้ดีมากทั้ง 2 พระองค์

ข้อคิดในวันที่พ่อไม่อยู่ อ่านให้จบ ดีมากๆๆ

1. จากนี้ไปประเทศไทยของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก อาจมีหลายสิ่งเปลี่ยนไป รอยต่อของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจชัดเจนขึ้น มันคือการเปลี่ยนผ่านในวันที่พ่อไม่อยู่ ทุกคนมีสิทธิ์เสียใจ และควรเสียใจ ทุกคนมีสิทธิ์กลัว และควรกลัว แต่จงตระหนัก เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้วยสติปัญญา

2. พ่อคือตัวแทนของความพอเพียง เป็นต้นฉบับของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในวันที่ประเทศไทยกำลังถูกปั่นด้วยกระแสความโลภ จงหยิบภูมิปัญญาของท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จดจำหลอดยาสีฟันของท่านไว้ จดจำการแต่งกายที่เรียบง่ายของท่านไว้ อะไรที่ประหยัดได้จงประหยัด อะไรที่พึ่งพาตนเองได้จงพึ่งพา อะไรที่แบ่งปันได้จงแบ่งปัน เมื่อยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้แล้ว เราจะพึ่งพาผู้อื่นน้อยลง

3. พ่อเป็นผู้มีความเพียรดุจพระมหาชนก ท่านเป็นผู้ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรโดยไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่จะถึงฝั่ง ความคิดเช่นนี้ทำให้ท่านทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้ ฝากถึงคนไทย อย่าทำงานด้วยตัณหา อย่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยากมี อยากได้ อยากเป็น อย่าให้อำนาจวัตถุบังตาจนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จงขับเคลื่อนชีวิตและการงานด้วยฉันทะ ความรัก ความเมตตา ด้วยประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เหมือนที่พ่อเคยทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง

4. พ่อยืนเคียงข้างคนยากจนเสมอ คนจนอยู่ที่ไหนท่านก็อยู่ที่นั้น ท่านเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปเยี่ยมพวกเขาถึงบ้าน เป็นพระราชาผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่ยึดติดความหรูหรา เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว เราอย่าหลงลืมปณิธานข้อนี้ อย่าทอดทิ้งคนยากจน จงหยิบยื่นโอกาสให้ผู้ด้อยกว่า อย่าใช้ช่องว่างกฎหมายซ้ำเติมและเอาเปรียบผู้อื่น

5. ไม่มีท่าน เราจะมานั่งทะเลาะกันเหมือนในอดีตไม่ได้ เพราะไม่มีใครที่จะมาห้ามเราได้ ไม่มีใครอีกแล้วที่เราจะเกรงใจ รับฟังเหมือนที่เคยรับฟังท่าน ถ้าทุกฝ่ายไม่คิดถึงข้อนี้ให้มาก ถ้ายังเอาแต่ความคิดตนเป็นใหญ่ ประเทศไทยที่เรารัก ย่อมตกอยู่ในฐานะอันตราย เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว จงรักและถนอมน้ำใจกันให้มากกว่าที่ผ่านมา

6. สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ ไม่ใช่เพียงอิฐ หิน ปูน ทราย แต่เป็นความรู้ขั้นปรีชาญาณ เราอาจรักษาร่างกายท่านไว้ไม่ได้ เพราะนั่นคือกฎธรรมชาติ แต่เราสามารถรักษาภูมิปัญญาของท่านไว้ได้ จงค้นคว้าข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ ฝนเทียมเกิดได้อย่างไร กังหันน้ำชัยพัฒนาคืออะไร มันมีความน่าทึ่งยังไงในมิติทางวิศวกรรม การเพาะปลูกโดยไม่พึ่งสารเคมีทำได้อย่างไร การพัฒนาดิน รักษาน้ำ ชุบชีวิตป่าเป็นอย่างไร ทำไมท่านไม่สนับสนุนให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำไมท่านจึงส่งเสริมให้ชาวบ้านรู้จักการห่มดิน ท่านเคยสร้างรากฐานอันใดไว้ให้วงการเกษตรกรรมของชาติ สิ่งเหล่านี้ควรสนับสนุนให้มีการร่ำเรียนกันเป็นระบบ ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ถ้าเราทำเช่นนี้ได้ภูมิปัญญาที่ท่านคิดค้นมาหลายสิบปีจะไม่สูญหายไปจากสังคมไทย

7. จากนี้ไปจะมีคนอีกมาก ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง อาจมีคนที่ไม่เข้าใจท่านออกมาพูดในสิ่งที่เราไม่ชอบ จงใช้สติ อดทน ไม่โต้ตอบ เหมือนที่ท่านได้กระทำมาชั่วชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้เสมอ ไม่เคยมีสันติภาพใด เกิดจากความรุนแรงและคำด่าทอ

8. พ่อเป็นผู้ค้ำชูศาสนาโดยแท้จริง ไม่ใช่ด้วยคำพูด หรือแค่เม็ดเงินบริจาค แต่ท่านคือผู้พิสูจน์ธรรมะด้วยกายใจ ในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม ท่านคือนักภาวนาที่หาตัวจับยาก เป็นผู้มีอานาปานสติเป็นวิหารธรรม ทำไมพ่อทำงานหนัก แต่ยังมีเวลาภาวนา ทำไมเราทำงานน้อยกว่าท่าน แต่เรากลับอ้างว่าเราไม่มีเวลา สิ่งนี้ต้องคิดให้มาก เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง

9. พ่อคือครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สอนด้วยชีวิตและการกระทำ ชีวิตคือธรรมะ และธรรมะก็คือชีวิตที่ตั้งอยู่ในความธรรมดาที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน พ่อกำลังบอกเราว่า จงดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ทำให้ดีที่สุดในวันนี้ จะไม่ต้องติดค้างเสียใจในภายหลัง

10. แม้วันนี้พ่อจะไม่อยู่ แต่ขอให้ชาวไทยจงวางใจว่า สถานที่ที่ท่านเดินทางไปนั้น น่าอยู่และงดงามกว่านี้หลายเท่า ท่านคือพระโพธิสัตว์ผู้ผ่านมาสร้างแสงสว่าง การเกิดของท่านในชาตินี้เป็นการเกิดที่สมศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และเราทั้งหลายควรภูมิใจไปกับท่าน ท่านคงไม่อยากให้เราคนไทยถูกทับถมด้วยทะเลแห่งความเศร้า อย่าทิ้งหน้าที่ อย่าทิ้งการงาน และสิ่งต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ จงตั้งสติให้มั่นคง เป็นกำลังสมาธิ เป็นความสว่างเบิกบาน เพื่อน้อมส่งท่านสู่สวรรค์คาลัย ด้วยหัวใจแห่งความรักของเราชาวไทยทุกคน…

เขียนด้วยความรัก สำนึก และบูชาตลอดไป

 #ขอขอบคุณเจ้าของเครดิตข้อมูล...

CR.Facebook :นำชัย มินะสิงห์

อ่านแล้วน้ำตาไหล...


เรื่อง "ขอนํ้าฝนในถังสักแก้ว"
(อ่านแล้วน้ำตาจะไหล)

เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๐๑ ขณะ
ที่ในหลวงทรงเสด็จพระราช
ดำเนินทอดพระเนตรโบราณ
สถานในเมืองศรีสัชนาลัยอยู่นั้น

ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสกับคุณย่าทวด "เล็ก เปล่งเสียง"
อายุ 90 ปีเป็นชาวบ้าน ต.สารจิต อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ซึ่ง
คุณย่าทวดเล็กได้นำน้ำฝนลอย
ดอกมะลิมาตั้งไว้หลายถังเผื่อ
หากข้าราชบริพารที่ติดตามขบวนเสด็จมาจะกระหายนํ้าจะได้ดื่มนํ้ากัน

แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า พระองค์ทรงตรัสกับคุณย่าทวดเล็กว่า
"ย่าจ๋า..ฉันขอดื่มน้ำในถังสักแก้ว
ได้ไหม"

คุณย่าทวดเล็กก็ทูลตอบว่า
"ฉันไม่กล้าให้ในหลวงกินหรอกเพราะมันเป็นน้ำฝนธรรมดา ๆ"

ในหลวงก็ทรงแย้มพระสรวล และ
ก็ทรงตรัสกับคุณย่าทวดเล็กว่า
"ปกติฉันก็กินน้ำธรรมดาอย่างนี้
นี่แหละย่า"
จากนั้นพระองค์ทรงตักนํ้าฝนใน
ถังเสวย และพระองค์ยังตรัสว่า
"นํ้าฝนเย็นชื่นใจจัง และยังหอมกลิ่นดอกมะลิอีกด้วย"

(นี่คือภาพจริงในเหตุการณ์จริง
เมื่อปี ๒๕๐๑)

ขอบคุณเจ้าของข้อมูลและภาพประกอบ "ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล"
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็น
ข้าราชบริพารที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาท
@@@@
Cr .Fwd Line

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ประตูสองบาน

         ประตูมีหลายแบบ ความทุกข์และปัญหาก็มีหลายแบบเช่นกัน บางครั้งเราใช้ชีวิตแบบดึง ทั้งที่ประตูบอกว่าผลัก และใช้ชีวิตแบบผลัก ทั้งที่ประตูบอกให้เลื่อน
         ประตูเปิดไม่ออก ปัญหาผลักไม่ออก ไม่ใช่เพราะปัญหาแก้ไม่ได้หรือประตูเปิดไม่ได้ หากแต่เป็นที่ตัวเราไม่เคยใช้"ความคิด"เพื่อค้นหาวิธีการเปิดประตูอย่างถูกต้องเลย
         พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ท่านให้พร ๔ ข้อ ดังนี้
       ๑.อย่าเป็นนักจับผิด ... คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส"จิตประภัสสร" ฉะนั้น จงมองคนมองโลกในแง่ดี "แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็นก็เป็นสุข"
        ๒.อย่ามัวคิดริษยา "แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน....เราต้องมีพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัวมีชื่อว่า"เจ้ากรรมนายเวร" ถ้าเขาสุขเราจะทุกข์ ฉะนั้น เราจะต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจเรา เพราะความริษยา เป็น"ไฟสุมขอน"(ไฟเย็น) เราริษยา ๑ คน เราก็มีทุกข์ ๑ ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี "แผ่เมตตา" หรือซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป
       ๓.อย่าเสียเวลากับความหลัง   เก้าสิบเปอร์เซนต์ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ "ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น" มนุษย์ที่สลัดควาาหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
         ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้วจงปล่อยมันซะ
         "อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีตมากรีดปัจจุบัน"
         "อยู่กับปัจจุบันให้เป็น" ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย 
         คือมี"สติ"กำกับตลอดเวลา
       ๔.อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ "ตัณหา"ที่มีปัญหาคือความโลภ ความอยากที่เกิดพอดี เหมือนทะเลที่ไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ "ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม" ทุกอย่างต้องดูที่คุณค่าแท้ ไม่ใช่คุณค่าเทียม คุณค่าของนาฬิกาคืออะไร คือไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าแท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆที่เสริมมา ไม่ใช่คุณค่าแท้ของโทรศัพท์
          เราต้องถามตัวเองว่า "เกิดมาทำไม" คุณค่าแท้ของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตามหา "แก่นชีวิต"ให้เจอ
          คำว่า "พอดี" คือถ้า "พอ" แล้วจะ "ดี" รู้จัก "พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข ..
***********
(บทความเรื่อง ประตูสองบาน โดย ว.วชิรเมธี   จากหนังสือ ข่าวสารกัลยาณธรรม ปีที่ ๑๒ ฉบับที่ ๓๙ กันยายน ๒๕๖๐)
       


วันอังคารที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560

อาลัยเพื่อนที่จากไปแล้ว พิชัย พันธุ์ไชยศรี


     เพื่อน  พิชัย พันธุ์ชัยศรี ถึงแก่กรรม ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว วันที่ 28 กันยายน เวลาประมาณ 10:00 ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ที่วัดลาดปลาดุก ต.พิมลราษฎร์ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ศาลา 5
- พิธีรดน้ำศพ วันที่ 29 กันยายน เวลา 16:00
   นรจ.รุ่น ๐๙ เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม
- พิธีสวดพระอภิธรรม วันที่ 29 ก.ย. - 3 ต.ค. เวลา 19:00
- ฌาปณกิจ วันพุธ ที่ 4 ต.ค. เวลา 16:00
... ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งในการจากไปของเพื่อนพิชัย ขอให้เพื่อนไปสู่สุคติ ...






















"เหมือนการเลี้ยงรุ่นครั้งสุดท้าย
ของ จ.อ.พิชัย พันธุ์ไชยศรีเลยนะคะ
กราบของพระคุณพี่ๆNavy09 ทุกๆคน
และทุกกำลังใจที่พี่ได้มอบให้ตุ๊กและครอบครัว
อย่างหาที่เปรียบมิได้ 
ตุ๊กจะจดจำวันนี้ไปจนกว่าจะหมดลมหายใจนะคะ
รักและเคารพพี่ๆทุกคน"

********


(..ลอยอังคาร ..ขอขอบคุณภาพจาก อนันต์ ช.)

***********


๒๘ มี.ค.๕๘  เพื่อนพิชัย
ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดหาเก้าอี้ถวายวัดทุ่งโปรง 
ในงานทำบุญอุทิศส่วนกุศล
ให้เพื่อน นรจ.๐๙ ที่ล่วงลับไปแล้ว


*********

******





วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560

อยากทำอะไร...ทำ..??


...เตรียมตัวก่อนตาย...                                                                                                                    
       @เรามักจะได้พบเรื่องราวนี้อยู่เสมอ  เมื่อรู้ว่าชีวิตที่มีอยู่เหลือน้อยแล้วด้วยเหตุแห่งเจ็บไข้ได้ป่วยที่จะจากโลกนี้ไปก่อนเวลาอันสมควร ก็มักจะมีคำพูดว่า                                                           "อยากทำอะไร ทำ...."                                                                                                 
      @หากเตรียมตัวมาดี ( รู้ทุกข์ รู้สมุทัย รู้นิโรธ รู้มรรค) คนนั้นก็จะทำแต่"กุศล" เพื่อเข้าสู่สุคติในเวลาที่จากโลกนี้ไปแล้ว                                                                    
       @แต่ถ้าเราเตรียมตัวมาไม่ดี(ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้สมุทัย ไม่รู้นิโรธ ไม่รู้มรรค) บางครั้งอาจจะพลาดพลั้งหลงไปกับ "ความอยาก..." ที่เป็นอกุศล..เราอาจจะต้องไปสู่ทุคติ...     
       @เตรียมตัวก่อนตายแต่เนิ่นๆ..ศีล สมาธิ ปัญญา..                       ..เมื่อถึงเวลา "อยากจะทำอะไร..ทำ"....                                       ..จะได้มีสติทำแต่กุศล เพื่อสู่สุคติ....                                                                                        
                                                                        (นิรนาม)