วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

ห้าสิบปีนาวี ๐๙


      วันคืนสู่เหย้า ๕๐ ปี นาวี ๐๙  เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๙  ทั้งภาคเช้า ภาคค่ำ ผ่านไปแล้ว..สมความมุ่งหมาย มีเพื่อน ๆ มาร่วมงาน ๑๘๐ คน และมีครอบครัวอีกจำนวนหนึ่ง ....
ขออนุญาตนำภาพมาให้ชมอีกครั้งหนึ่งครับ...
     ช่วงเช้าทำบุญถวายภัตตราหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ ที่วัดทุ่งโปรง สัตหีบ  อุทิศส่วนกุศลให้เพื่อนที่ล่วงลับไปแล้ว..


พล.ร.ท.จำรัส เผือกประพันธ์ ประธานที่ปรึกษาพิเศษ ประธานในพิธี









ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน





****************
   ช่วงค่ำ งานสังสรร คืนสู่เหย้า ๕๐ ปี นาวี ๐๙ ที่ อาคารฝึกอบรมรวม ศูนย์ฝึกทหารใหม่ สัตหีบ

มาตามนัด...ลงทะเบียน

รับเสื้อที่ระลึก ๕๐ ปี นาวี ๐๙



ครูพล.ร.อ.ยงยุทธ นพคุณ ครูพล.ร.ท.เฉลิมศักดิ์ สุขประเสริฐ  
ครูประสาน แก้วศรีสุข ให้เกียรติร่วมงาน





มอบของที่ระลึกให้อดีตประธานรุ่น














ภรรยา อดีตประธานรุ่น (ศักดิ์สิทธิ์ บำรุง) มอบเงินเป็นสวัสดิการของรุ่น
พร้อมรับของที่ระลึก

******************





ผัดไทย หมูสะเต๊ ใส้กรอกอีสาน ข้าวต้ม


หมูปิ้ง..







พบกันใหม่ปีหน้า...ขอบคุณมากครับทึ่แวะมาเยี่ยมเยียน..












รำลึก ๒๘ มิถุนายน ๒๕๐๙ (คลิก)

*********************

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

หลักการอยู่ร่วมกัน..


       สารณียธรรม ๖  (ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความให้ระลึกถึงกัน,ธรรมที่ทำให้เกิดความสามัคคี,หลักการอยู่ร่วมกัน)
     ๑.เมตตากายกรรม ตั้งเมตตากายกรรมในเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ ช่วยเหลือกิจธุระของผู้ร่วมหมู่คณะด้วยความเต็มใจ แสดงกิริยาอาการสุภาพ เคารพนับถือกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง
     ๒.เมตตาวจีกรรม ตั้งเมตตาวจีกรรมในเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งต่อหน้าหน้าและลับหลัง คือ ช่วยบอกแจ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ สั่งสอน แนะนำตักเตือนด้วยความหวังดี กล่าววาจาสุภาพ แสดงความเคารพนับถือกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง
     ๓.เมตตามโนกรรม ตั้งเมตตามโนกรรมในเพื่อนพรหมจรรย์ ตั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ ตั้งจิตปรารถนาดี คือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กัน  มองกันในแง่ดี มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน
   ๔.สาธารณโภคิตา ได้ของสิ่งใดมาแบ่งปัน คือ เมื่อได้ของสิ่งใดมา แม้เป็นของเล็กน้อย ก็ไม่หวงไว้ผู้เดียว นำมาแบ่งปันเฉลี่ยเจือจาน ให้ได้มีส่วนร่วมใช้สอยบริโภคทั่วกัน
   ๕.สีลสามัญญตา มีศีลบริสุทธิ์เสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ มีความประพฤติสุจริตดีงาม ถูกต้องตามระเบียบวินัย ไม่ทำตนให้เป็นที่น่ารังเกียจของหมู่คณะ
   ๖.ทิฎฐิสามัญญตา มีทิฎฐิงามเสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ มีความเห็นชอบร่วมกัน ในข้อที่เป็นหลักการสำคัญอันจะนำไปสู่ความหลุดพ้น สิ้นทุกข์ หรือขจัดปัญหา
      ธรรมทั้ง ๖ ประการนี้ มีคุณ คือ  เป็น สารณียะ (ทำให้ระลึกถึงกัน)   เป็น ปิยกรณ์ (ทำให้เป็นที่รัก)   เป็น ครุกรณ์ (ทำให้เป็นที่เคารพ)  เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์(ความประสานกลมกลืน)  เพื่อความไม่วิวาท เพื่อความสามัคคี และเพื่อความ เอกีภาพ (ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน)
..........................
(จาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภาณ์ ( ป.อ. ปยุตฺโต))

 

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

ชีวิต...



ชีวิต คนเราเหมือนการ
เดินทาง เราไปที่นี้เจอกับคนนี้
เขาก็ร่วมทางกับเรา
ไปจนหมดบุญ หมดเหตุหมดปัจจัย
หากไม่ตายจากกันก็
ต้องไปทางอื่น
เขาก็ไปตามหน้าที่ของเขา 
เราก็ไปตามหน้าที่ของเรา
แต่ไม่ว่าอะไรที่ไหน 
ต้องมีหน้าที่ต่อตนเอง 
คือ การฝึกจิตดูกาย ดูใจ 
รู้ลมหายใจเข้าออก รู้กาย ดูจิต รู้ใจ 
ถอนความไม่รู้ออกจากจิต 
เมื่อทำเป็นกิจวัตรเรื่อยๆ ก็ชิน 
และรู้ขึ้นมาเป็นปกติ 
สร้างเหตุปัจจัยไปเรื่อยๆ 
วันหนึ่งผลจะแสดงให้เห็นแจ้งประจักษ์เอง
จิตจะยอมรับไปโดย
อัตโนมัติ พบสงบเย็นๆ
ภูริทัต
....
จากLine. Bhuritatta. samaneri

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

หยุด


ใบไม้ในป่า
ใบไม้ในกำมือ
สิ่งพระพุทธเจ้าตรัสรู้รู้ยิ่งด้วยปัญญา
แล้วเหมือนกับใบไม้ในป่า เหตุใดไม่สอน
เพราะ ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อ
การดับทุกข์ เพื่อนิพพาน สงบเย็น ไม่สอน
สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ยิ่งด้วยปัญญา
แล้วเหมือนใบไม้ในกำมือ เหตุที่สอน
เพราะ เป็นไปเพื่อประโยชน์ เป็นไปเพื่อการดับทุกข์ เพื่อนิพพาน สงบเย็น จึงสอน
ถาม พระพุทธเจ้าสอนเรื่องอะไร
ตอบ พระพุทธเจ้าสอน เรื่อง
ความทุกข์เป็นอย่างนี้
เหตุแห่งทุกข์เป็นอย่างนี้
ความดับสนิทของความทุกข์เป็นอย่างนี้
ข้อปฏิบัติเพื่อถึงความดับสนิทของความ
ทุกข์เป็นอย่างนี้
สรุป ความรู้อะไร ที่ไม่เป็นไป
เพื่อความดับทุกข์ ไม่จำเป็นต้องไปรู้
หนักสมอง ทำให้ทุกข์ให้ฟุ้งซ่าน
ควบคุมความคิด รู้ทันความคิด
หยุดความฟุ้งซ่าน ทำให้จิตมีพลัง
ทำให้จิตสงบ 

หยุดเป็นตัวสำเร็จ
หยุดเป็นตัวทำให้เห็น
หยุดเป็นตัวทำให้เห็นจิตในจิต

รู้ในรู้ สาธุจ๊ะ
ภูริทัตตา
**********************
(จาก Facebook:Bhuritatta Samaneri)

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

โลกภายใน



สิ้นตัณหา สิ้นความอยาก
สิ้นอุปทาน สิ้นความยึดมั่นถือมั่น
สิ้นภพ สิ้นความมี ความเป็น
สิ้นชาติ สิ้นความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ตัณหามีมูลรากเหง้า มองออก
อ่านออก รู้ทุกข์ สิ้นทุกข์

ตัณหา ทำให้เกิด ทุกข์
รากเหง้า ที่ทำให้เกิด ตัณหา คือ
การแสวงหา
การได้ลาภ
การค้นหา วินิฉัย พิจารณา
ความติดใจ พอใจ
ความยึดติด
ความหวงแหน
ความตระหนี่
การป้องกัน รักษา ครอบครอง
การทะเลาะวิวาท

ความเพลิดเพลิน ชอบใจ
นี้เป็นรากเหง้าทำให้เกิด ตัณหา
ลองพิจารณาดูว่า จริงไหม
เห็นเอง เข้าใจเอง รู้เอง พบสาเหตุเอง
ทราบผลเอง มองออก ก็อ่านจิตออก
รู้ทันจิต ตามทันความรู้สึกได้

อ่านโลกภายในได้
ก็อ่านโลกภายนอกได้
ฝึกจิต ฝึกใจ
ดูกาย ดูใจ

เป็นทางลัดตัดตรงที่สุดแล้ว...
เอ้าทดลองเอานะจ๊ะ สาธุจ๊ะ

ภูริทัตตา
**************************
(จาก Facebook : Bhuritatta Samaneri)




วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559

ความเหมือนที่แตกต่าง..


ถาม
ทำไมคนที่ทำบาปอย่างเดียวกัน
แต่รับวิบากต่างกัน
ตอบ
บาปกรรมเล็กน้อย
บางคนทำแล้วนำไปนรกได้
บาปกรรมเล็กน้อยเหมือนกัน
บางคนทำแล้วไม่ปรากฏผลมาก
เป็นวิบากกรรมเลย
เหตุเพราะ
บาปกรรมเล็กน้อย
บางคนทำแล้วไปนรกได้ เพราะ
เป็นคนศีลไม่อบรม. ไม่มีศีล
จิตไม่อบรม. ไม่ฝึกจิต
ปัญญาไม่อบรม. ไม่ภาวนา
มีคุณความดีน้อย
ใจคับแคบ ใจหยาบ
คนเจ้าทุกข์

บาปกรรมแม้ประมาณเล็กน้อย
คนเช่นนี้ทำแล้ว ย่อมนำไปสู่นรก
บาปกรรมเล็กน้อยเหมือนกัน
บางคนทำแล้วไม่ปรากฏผลมาก
เป็นวิบากกรรมเลย
บาปกรรมเล็กน้อยเหมือนกัน
บางคนทำแล้วไม่ปรากฏผลมาก
เป็นวิบากกรรมเลย เพราะ

เป็นคน
ศีลอบรมแล้ว. มีศีล
จิตอบรมแล้ว. ฝึกจิต
ปัญญาอบรมแล้ว. ภาวนา
มีคุณความดีมาก
ใจกว้าง ใจบุญ ใจสูง
มีปกติอยู่ด้วยธรรม วิหารธรรม ธรรมรักษา ไม่มีกิเลส
บาปกรรมแม้ประมาณเล็กน้อย
เหมือนกัน คนเช่นนี้ทำแล้ว
กรรมนั้นไม่ปรากฏผลมากนัก
อุปมาเหมือน
ใส่เกลือเล็กก้อนหนึ่งในแก้วน้ำ
น้ำย่อมเค็มเพราะเกลือ ดื่มไม่ได้
เพราะ น้ำมีน้อย
ใส่เกลือเล็กก้อนหนึ่งในแม่น้ำ
น้ำย่อมไม่เค็มเพราะเกลือ ดื่มได้
เพราะ น้ำมีมาก
ฉันใดก็ฉันนั้น เช่นกัน
ภูริทัตตา
*********************
(จาก Facebook : Bhuritatta Samaneri )