...ประวัติมีอยู่ว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๓ ได้มีฝรั่งชาวอังกฤษท่านหนึ่งชื่อนายแพทย์ เบอร์นาร์ด ได้มาเที่ยวที่ประเทศอินเดียและได้มาพบเห็นประเพณีโบราณหลายอย่าง บางอย่างก็ดูทารุณโหดร้าย บางอย่างก็สกปรก บางอย่างล้าสมัยเหยียดหยามกัน นึกตำหนิอยู่ในใจ
เมื่อได้เที่ยวมาถึงพุทธคยา ได้มาชมประเพณีเวียนเทียนวันวิสาขบูชาที่เจดีย์พุทธคยา ได้เห็นประชาชนเวียนเทียนกราบใหว้ต้นโพธิ์ที่สัมมาสัมพุทธเจ้าเคยประทับนั่งตรัสรู้ก็นึกตำหนิในใจว่า ประชาชนพวกนี้โง่มากขนาดกราบไหว้ต้นไม้ได้ ครั้นสอบถามได้รับคำตอบว่าเป็นต้นไม้โพธิ์ที่ประทับนั่งตรัสรู้ของเจ้าชายสิทธัตถะในครั้งแรกทำให้เกิดศาสนาพุทธขึ้น ฝรั่งผู้นี้ก็นึกในใจว่าเรื่องเจ้าชายสิทธัตถะเป็นเพียงนิยายที่แต่งขึ้นมานับถือเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องมีจริงนึกเหยียดหยามชาวพุทธอยู่ในใจว่าโง่งมงาย แต่ไม่พูดอะไรกลัวมีเรื่อง
ครั้นกลับที่พักแล้วตอนดึกของคืนนั้นหลับฝันไปว่าตนเองได้ย้อนกลับมาที่พุทธคยานี้อีก แต่เห็นสถานที่แปลกตาออกไป เห็นต้นโพธิ์ใหญ่มีพระนั่งอยู่องค์หนึ่งมีรัศมีงดงามจึงเข้าไปถามว่าท่านเป็นใคร มานั่งที่นี่ทำไม ได้รับคำตอบว่า " เราชื่อพระสิทธัตถะ สละราชสมบัติมาบวชและได้เคยมานั่งค้นคว้าพระธรรมที่นี่จนได้ตรัสรู้ " ฝรั่งสงสัยจึงย้อนถามว่า เจ้าชายสิทธัตถะมีจริงหรือ ทรงตอบว่า ใช่ เจ้าชายสิทธัตถะมีจริงได้ตรัสรู้เป็นพระพุุทธเจ้าจริง ณ โคนต้นไม้โพธิ์นี้เป็นที่แรกตรัสรู้ของเรา ท่านไม่เชื่อเพราะไม่เคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อนเลย ท่านเก่งทางวิทยาศาสตร์แต่ท่านไม่ได้เก่งเรื่องธรรมะ ถ้าท่านได้ศึกษาธรรมะท่านก็จะรู้ได้และจะไม่ไปตำหนิคนอื่นเขาอย่างนี้อีก สิ่งใดที่เราไม่เคยเรียนไม่เคยรู้ไม่เคยค้นคว้าศึกษามาก่อนแล้วจะไปว่าคนอื่นที่เขาศึกษาค้นคว้าว่าโง่เง่าอะไรนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถ้าท่านได้ศึกษาแล้ว พิสูจน์แล้วหากปรากฏว่าเหลวไหลไร้สาระจริงจึงประณามก็สมควรทำ ท่านไม่ศึกษาเลยแล้วมาประณามเช่นนี้เป็นสิ่งไม่ควรทำ เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมอาจผิดพลาดได้ ในฝันของฝรั่งคิดในใจว่าถ้าตนเอากล้องถ่ายรูปมาจะถ่ายภาพพระสิทธัตถะองค์นี้ออกอวดชาวโลกว่าเจ้าชายสิทธัตถะมีจริงจะได้แก้ข้อสงสัยของชาวโลกได้ แต่ในฝันตนลืมกล้องถ่ายรูปไป ได้สนทนาได้รับคำตอบที่ถูกใจมาก จนลากลับ และได้ตื่นขึ้นในตอนเช้า
ครั้นตื่นแล้วติดใจในความฝัน ลุกขึ้นค้นหากล้องถ่ายรูป คิดว่าจะไปถ่ายรูปนี้มาให้ได้ ครั้นอาบน้ำ รับประทานอาหารแล้วได้ไปซื้อฟิลม์มาใหม่ ๑ ม้วน ใส่กล้องออกเดินทางมาที่พุทธคยาอีกครั้ง ตั้งต้นถ่ายรูปไปทีละฟิลม์รอบต้นโพธิ์ นึกในใจว่าเจ้าชายสิทธัตถะมีจริงหรือ นั่งตรงใหนจึงได้ตรัสรู้ ถ้าจริงขอให้ติดสักภาพเถิด จะได้ไปอวดเขาได้ว่าเจ้าชายสิทธัตถะมีจริง ได้ถ่ายภาพต้นโพธิ์ทุกแง่ทุกมุม เสร็จแล้วถอดฟิลม์ให้ช่างล้างให้
ปรากฏว่าได้ภาพเดียวคือภาพนี้ ภาพที่ถ่ายมาด้วยกันไม่ติดภาพอะไรเลยแม้แต่ต้นหญ้า ทั้งนี้เพราะฝรั่งตั้งใจขอภาพเดียว จึงได้ภาพเดียว
ครั้นได้แล้วก็ดีใจกลับประเทศของตน อวดลูก อวดเมีย ก็ไม่เชื่อ ซ้ำยังถูกว่าโง่เง่าเชื่อในสิ่งเหลวไหลอีก จึงได้เก็บใส่กระเป๋าคงอยู่ในอัลบั้มอย่างนั้นไม่ได้อวดใครอีกต่อไป
ฝรั่งผู้นี้ไม่รู้ว่าการปิดภาพบุคคลที่ทำบุญบารมีมาเพื่อโปรดสัตว์ ทำบารมีมามากมายหลายร้อยหลายพันชาติจนได้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกได้จริงเช่นนั้นเป็นบาป อย่างน้อยที่สุดใส่กรอบแขวนไว้ข้างฝาก็จะพ้นบาปไม่ผิดสัจจะที่ขอมาว่าจะให้ชาวโลกเขาดู
เมื่อผิดสัจจะอย่างนี้ฝรั่งผู้นี้จึงประสบวิกฤติส่วนตัว ชีวิตผันผวนอย่างมาก ผิดหวังในชีวิตหลายอย่าง รู้สึกสิ้นหวังได้คิดถึงคำสอนของพระสิทธัตถะที่ว่า " ให้ทดลองศึกษาธรรมะดูบ้าง เพราะวิทยาศาสตร์ก็ศึกษาจนจบแล้ว " ได้ตัดสินใจหิ้วกระเป๋าใบเก่ากลับมาขอบวชอยู่ที่วัดพุทธคยา เมื่อคนไทยไปเที่ยวคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ ได้ไปสนทนากับท่าน ถามท่านว่ามีเหตุอะไรจึงได้มาบวช จึงได้ทราบเรื่องราวดังกล่าว..
******
(จากหนังสือสวดมนต์ฉบับพิเศษ เรียบเรียงโดย กนฺตสิริ ภิกฺขุ สำนักปฎิบัติธรรม(ถ้ำชี) ต.ไร่ส้ม อ.เมือง จ.เพชรบุรี)
*******
*********
*******************
******************************
เนื้อเพลง พระพุทธเจ้า
ตอบลบ"พระพุทธเจ้า" เพลงประกอบละครซีรีส์ พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
คำร้อง : ประภาส ชลศรานนท์
ดนตรี : จักรพัฒน์ เอี่ยมหนุน
ขับร้องโดย : อมรภัทร เสริมทรัพย์
วันที่ฟ้าเริ่มส่องแสง สำแดงให้เห็นเป็นคำถาม
เกิดแก่เจ็บตายซ้ำ วนเวียนจนเห็นความเป็นไป
ทุกสิ่งกำเนิดนั้น สถิตสถานตั้งอยู่ไว้
ถึงวันแตกสลาย ดับสิ้นไปไม่มั่นคง
จากเจ้าชายสุขล้นฟ้า ทิ้งทุกสิ่งมาเข้าป่าดง
ทิ้งอบายแห่งใหลหลง บำเพ็ญทุกรกิริยา
เข็ญกายจนหิวโหย ร่วงโรยทรุดโทรมเวทนา
แล้วจึงได้รู้ว่า ไม่ใช่หนทางสว่างเลย
พระองค์ทรงค้นพบ การเวียนจบของจักรวาล
หนทางที่จะว่ายผ่าน วัฏสงสารอันปลดปลง
สายพิณที่ดีดนั้น ถ้าปล่อยให้มันเริ่มหย่อนลง
ละเลยและลืมหลง จะคงสำเนียงเป็นพิณไหม
และสายพิณที่ตั้งขึง ถ้าบิดให้ตึงจนมากไป
ถึงคราวดีดเล่นสาย คงขาดผึงไปในไม่นาน
พระองค์ทรงค้นพบ การเวียนจบของจักรวาล
หนทางที่จะว่ายผ่าน วัฏสงสารอันปลดปลง
หนทางแห่งพุทธะ คือหลีกลดละในโลภหลง
และมิใช่อย่างฝุ่นผง ที่ปล่อยล่องลอยไปวันวัน
หนทางแห่งพุทธะ คือทางสายกลางอันเบิกบาน
ให้อยู่กับคืนวัน คือปัจจุบันอย่างตื่นรู้
https://youtu.be/R0V6eiIrbkY