วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ปฏิบัติธรรมอยู่ที่ไหนก็ได้

 



หลวงพ่อชาเล่าว่า... ท่านเคยไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่กินรี
หลวงพ่อชาตั้งใจปฏิบัติมาก เดินจงกรม และ นั่งสมาธิทั้งวัน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า หลวงปู่กินรีวัน ๆ ไม่ค่อยเดินจงกรม ไม่ค่อยนั่งสมาธิเลย ทำโน่นทำนี่ เกือบตลอดเวลา แล้วท่านจะเห็นอะไร แต่หลังจากที่ได้อยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่นาน ๆ และได้ฟังธรรมอันลุ่มลึกจากท่าน
หลวงพ่อชาก็รู้ว่า เป็นความเขลาของท่านเองที่คิดเช่นนั้น ท่านพูดถึงบทเรียนที่ท่านได้ จากประสบการณ์ครั้งนั้นว่า
“เรามันคิดผิด หลวงปู่ท่านรู้อะไร ๆ มากกว่าเราเสียอีก คำเตือนของท่านสั้น ๆ และไม่ค่อยมีให้ฟังบ่อยนัก เป็นสิ่งที่ลุ่มลึก แฝงไว้ด้วยปัญญาอันแยบคาย ความคิดของครูบาอาจารย์กว้างไกลเกินปัญญาเราเป็นไหน ๆ
-ตัวแท้ของการปฏิบัติ คือ ความพากเพียร กำจัดอาสวกิเลสภายในใจ
ไม่ใช่ถือเอากิริยาอาการภายนอกของครูบาอาจารย์เป็นเกณฑ์”
ท่านมาได้ตระหนักชัดอีกครั้งว่า...
- การปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้อยู่ที่รูปแบบ
- แต่อยู่ที่การวางใจให้ถูกต้อง
- ไม่ว่าทำอะไร...ก็สามารถเป็นการภาวนาได้
คราวหนึ่งท่านนั่งปะชุนจีวรที่ขาดวิ่น ใจนั้นนึกถึงการภาวนาอยู่ตลอดเวลา อยากรีบปะชุนให้เสร็จเร็ว ๆ เพื่อจะได้ไปภาวนาต่อ
ขณะนั้นเองหลวงปู่กินรีเดินผ่านมา สังเกตเห็นอาการของพระหนุ่ม จึงพูดขึ้นมาว่า
“ท่านชา จะรีบร้อนไปทำไมเล่า”
“ผมอยากให้เสร็จเร็ว ๆ ครับหลวงปู่”
“เสร็จแล้วท่านจะทำอะไรล่ะ”
“จะไปทำอันนั้นอีก”
“ถ้าเสร็จอันนั้นแล้ว ท่านจะทำอะไรอีกล่ะ”
“ผมก็จะทำอย่างอื่นอีก”
“เมื่อทำอย่างอื่นเสร็จแล้ว ท่านจะไปทำอะไรอีกเล่า”
เมื่อเห็นว่า ใจของหลวงพ่อชา ไม่ได้อยู่กับงานที่กำลังทำ แต่คิดถึงงานชิ้นอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหน้า และรีบร้อนจะทำให้เสร็จไว ๆ ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อไปภาวนาต่อ
หลวงปู่กินรีจึงเตือนว่า...
“ท่านชา ท่านรู้ไหม นั่งเย็บผ้าผืนนี้ก็ภาวนาได้ ท่านดูจิตตัวเองสิว่าเป็นอย่างไร แล้วก็แก้ไขมัน ท่านจะรีบร้อนไปทำไมเล่า ทำอย่างนี้เสียหายหมด ความอยากมันเกิดขึ้นท่วมหัว ท่านยังไม่รู้เรื่องของตนอีก”
คำพูดของหลวงปู่กินรี กระตุกใจของหลวงพ่อชาอย่างแรง ทำให้ท่านได้สติ และ เกิดความเข้าใจชัดเจนว่า...
- ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร ก็ภาวนาได้ทั้งนั้น ขอให้หมั่นดูใจของตนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม -
นี้เป็นบทเรียนที่ประทับใจท่านมาก และถือเป็นหลักปฏิบัติของท่านตลอดมา
เมื่อท่านไปตั้งสำนักปฏิบัติธรรมที่หนองป่าพง จึงทำให้มีกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง และมีเรื่องเล่าว่า ตอนนั้นหลวงพ่อชาอายุมากแล้ว มีเด็กหนุ่มมาถามท่านว่า...ทำไมพระจึงไม่นั่งสมาธิ
พอหลวงพ่อชาได้ฟังน้ำเสียงแล้วรู้ว่า ไม่ได้ถามเพราะต้องการคำตอบที่แท้จริง ท่านจึงตอบว่า
“นั่งอย่างเดียวมันถ่ายไม่ออกว่ะ จะนั่งอย่างเดียวก็ไม่ได้ มันต้องปฏิบัติ กับการทำงานด้วย” และท่านก็บอกว่า...
- การปฏิบัติธรรมมันต้องมาดูกายและใจ
ไม่ว่าทำอะไร ต้องให้รู้ทันกายและใจ ทำงานก่อสร้างก็เป็นการปฏิบัติธรรมได้ อันนี้สำคัญมาก
เดี๋ยวนี้นักปฏิบัติธรรมจำนวนมากคิดอย่างเดียวว่า เวลาปฏิบัติธรรมจะต้องเข้าวัด จะต้องหลบลี้หนี้หน้าผู้คน โดยไม่คิดว่า...
- การอยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติธรรมได้ -
อยู่บนท้องถนน รถติดก็กำหนดลมหายใจไปด้วย หรือ เวลาเจอไฟแดง หงุดหงิดขึ้นมา...ก็ปฏิบัติธรรมได้
ถามว่าเวลารถติด ทำไมถึงหงุดหงิด
นั่นก็เพราะใจมันไปอยู่ที่จุดหมายปลายทางแล้ว ใจมันอยู่ข้างหน้าแล้ว...
- ใจไม่อยู่กับปัจจุบัน -
จึงกลัวไปไม่ทัน กลัวไม่ทันประชุม เป็นต้น
ดังนั้น -ให้พาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน-
จะตามลมหายใจด้วยก็ได้
การปฏิบัติธรรมก็คือ ติดไฟแดงทำอย่างไรจะไม่หงุดหงิด
ทำอย่างไรเวลาถูกต่อว่าจะไม่หงุดหงิด
เวลาเสียเงินจะไม่โมโห เวลาเงินหายก็หายแต่เงิน แต่ใจไม่หาย
ถ้าทำได้อย่างนี้ ก็เรียกว่า...ปฏิบัติธรรมแล้ว!
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เล่า

*********
Cr.https://www.facebook.com/amatatum/posts/pfbid02SkkPgto7L1CauRgKmhCiyXsP11AnkzAfV7jiEcnvDHmYeCJNuxVASqgjYhAcMbiWl

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น