วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ขนสมบัติ..ลอยน้ำทิ้ง


เนรัญชรา  พุทธคยา อินเดีย
....ฯลฯ.....
ขน"สมบัติของคนบ้า"ลอยน้ำทิ้ง 
       หลังจากที่บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว พระอุรุเวลกัสสปะจึงเรียกบริวารทั้งหลายมาแล้วกล่าวว่า "ท่านทั้งหลาย ชฏิล ๕๐๐ คนแต่เดิมนั้น เรียกว่า "คนบ้า" คือเป็นคนบ้าเพราะโลภะ โทสะ โมหะ ทิฐิ มานะ รวมเรียกว่า กิเลส ๑๐ ประการ " บริขารเครื่องมือเครื่องใช้ของชฏิลทั้งปวงที่เคยมีมาและยังคงอยู่ตามกุฏิ ศาลาที่พักต่าง ๆ นั้น จงนำไปลอยทิ้งเสียให้หมด จากนั้น พระอรหันต์ผู้เป็นบริวารของท่าน จึงได้พากันเก็บสมบัติของคนบ้าเหล่านั้นไปลอยทิ้ง สมบัติเหล่านั้นประกอบด้วย 
         ๑.ม้วนสายสิญจน์ สำหรับทำขวัญ
         ๒.ม้วนสายสิญจน์ สำหรับทำเทียนโชคลาภเครื่องรางของขลัง
         ๓.ม้วนสายสิญจน์ สำหรับไว้โยงรอบบ้านกันผี กันภัย
         ๔.ม้วนสายสิญจน์ สำหรับผู้ข้อมือและห้อยคอ
         ๕.ธงผ้าขาว ผ้าแดง ร่ม ห่อชา ยาเส้น สำลี หมากกล้วยมะพร้าว ข้าวเปลือก ข้าวสาร สำหรับไว้ทำเครื่องไหว้ครู
         ๖.ลูกประคำคล้องคออยู่ก็ปลดออก และที่เก็บไว้ในย่ามในถังต่างๆ ก็เก็บทิ้ง
         ๗.กระป๋องและถัง สำหรับเก็บบริขารเหล่านั้น
         ๘.บาตรหรือขัน สำหรับทำน้ำมนต์
         ๙.มัดหญ้าคา สำหรับทำน้ำมนต์
        ๑๐.กระดานพร้อมทั้งเครื่องขีดเขียน สำหรับเขียนคำนวณทายทักดวงชะตา ทำยันต์
        ๑๑.ไม้บรรทัด สำหรับวัดทำตารางยันต์ และดวง
        ๑๒.ขี้ผึ้ง สำหรับทำเทียนโชคลาภ โชคชะตา
        ๑๓.ไม้พันเทียน สำหรับทำเทียน
        ๑๔.หม้อข้าวหม้อแกง
        ๑๕.มีด พร้า จอบ เสียม
        ๑๖.เครื่องบด เครื่องปั็มและแบบ สำหรับทำเครื่องรางของขลังวัตถุมงคล ทำเหรียญพระราชา และรูปเทพเจ้าต่าง ๆ
       "สิ่งของเหล่านี้ จงนำไปลอยน้ำเสียให้หมด" พระผู้เป็นบริวารก็พากันนำไปใส่เรือลอยน้ำไป 
         ขณะนั้น คยากัสสปะ ผู้เป็นน้องซึ่งมีอาศรมอยู่ริมแม่น้ำพร้อมบริวาร ๓๐๐ รูป ได้พบเห็นบริวารเหล่านั้นลอยมา จึงกล่าวกับบริวารว่า " ท่านอุรุเวลกัสสปะผู้พี่เป็นอะไรไปไม่รู้จึงนำเอาบริขารสิ่งของทั้งปวงใส่เรือลอยน้ำมา ไป ไป พวกเราขึ้นไปหา เกิดอะไรขึ้นกับพี่เราไม่รู้ "  จากนั้น พวกเขาจึงพากันไปที่อาศรมของพระอุรุเวลกัสสปะ เมื่อไปถึงก็พบว่า ท่านเหล่านั้นมีอาการลักษณะไม่เหมือนวันก่อน ๆ ตือมีความสงบเงียบเป็นพิเศษ ทุกรูปพากันนั่งสงบนิ่ง ณ พระพักตร์  พวกเขาจึงทูลถามว่า " เกิดอะไรขึ้นพระเจ้าข้า" พระพุทธองค์จึงทรงแสดง"อนัตตา"ให้ฟัง เมื่อฟังจบลงก็บรรลุเป็นอรหันต์ทั้งหมด
          หลังจากที่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วจึงกลับไปที่อาศรมแล้วนำเอา สมบัติของคนบ้า ๑๖ ชนิดดังกล่าว ใส่เรือลอยน้ำไป ...
          นทีกัสสปะพร้อมบริวาร ๒๐๐ รูป ได้พบเห็นแล้วคิดว่า "สมบัติเหล่านี้เป็นของชฏิลผู้พี่ ๒ รูป พร้อมด้วยบริวารจำนวน ๘๐๐ รูป พวกเขาประสบเหตุใดกันหนอ จึงพากันทิ้งลอยน้ำมาเช่นนี้  มาเถิดพวกเราเดินทางไปดูให้เห็นกับตา " 
          เมื่อเดินทางมาถึงก็พบว่าชฏิลทั้ง ๘๐๐ รูป บวชเป็นพระภิกษุพากันนั่งสงบเย็นอยู่อย่างนั้น จึงทูลถามเรื่องนี้กับพระพุทธองค์ 
          พระพุทธองค์จึงตรัสเรื่องความเป็นมาทั้งหมดแล้ว แสดงอนัตตาให้ฟัง นทีกัสสปะพร้อมด้วยบริวารรวม ๒๐๐ รูปก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ แล้วขนสมบัติคนบ้า ๑๖ ชนิดนั้น ทิ้งลอยน้ำไปพร้อมกับกล่าวว่า " สมบัติของคนบ้ากิเลส บ้าโลภะ บ้าโทสะ บ้าโมหะ จงลอยตามน้ำไปเสียเถิด"
           ..........           
            สมบัติบ้าเหล่านั้นก็ลอยตามน้ำไป ชาวบ้านและพราหมณ์ไปพบเห็นเข้าจึงพากันเก็บเอาไปใช้ต่อกันอย่างแพร่หลาย ความเชื่อในสมบ้ติบ้าเหล่านี้กระจายไปอย่างกว้างขวางจนกระทั่งมาถึงเมืองไตและเมือง....
           ...........
          พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมคือ อนัตตา ครั้งที่สาม โปรดชฏิล ๓ พี่น้อง จบลงแต่เพียงนี้....
           ............
....จากหนังสือ อนัตตาสุดยอด  หลวงพ่อธี วิจิตฺตธมฺโม เขียน พระมหายาจินต์ ธมฺมธโร ป.ธ.๙ สส.ม. แปล
*********

*****

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น