วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

จิตตก


    ...ฯลฯ...
      การภาวนาในทางพุทธศาสนานี้ เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล ๆ ไป  ใครตั้งใจดีก็ได้รับความสงบสุขเยือกเย็นในใจตน  เป็นคนดีไป
       ถ้าใจไม่สงบระงับ ปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมจิตใจ จิตใจก็จะมีแต่ตกต่ำเรื่อยไป ขึ้นสูงไม่ค่อยจะได้
       เวลาเรานั่งสมาธิภาวนา ปฏิบัติบูชาอย่างนี้ต้องมีสติเต็มที่ ท่านว่าเป็นมหาสติปัฏฐานสี่ ระลึกอยู่ในกาย เวทนา จิต ธรรม วันไหน คืนไหน เวลาใดก็ตาม ให้ถือว่าเป็นเวลาปฏิบัติธรรมะ ได้ทุกลมหายใจเข้าออก
       ถ้าจิตมันเกิดประมาทขึ้นมา ไม่มองเห็นซึ่งภัยอันตรายคือความตายนั้น ท่านก็ให้นึกให้เจริญ เตือนใจว่าชีวิตของเราที่เกิดมานี้ มีความตายเป็นผลที่สุด


  ...ฯลฯ...
(จากหนังสือ สุข สงบ เยือกเย็น ๑๐๔ ปี ชาตกาล หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)
*****

*****

*****

*****

*****

4 ความคิดเห็น:

  1. " ต่างคน ก็ต่างเกิด
    ต่างคน ก็ต่างตาย
    นิพพานมิได้พ่วงกันไป
    เช่นเรือหาง "
    (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)

    ตอบลบ
  2. ธรรมลิขิตจากหลวงปู่...
    การทำความเพียรเพื่อละกิเลสนั้น ไม่ใช่เรื่องเล่น กิเลสในใจมนุษย์นี้ ก็จะพากันเกิด พากันตาย ในอนาคตไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยเหตุนั้น พุทธบริษัทสี่ ที่ยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ จงเพียรทำทานการกุศลจนวาระสุดท้ายหมดลมหายใจ
    จงเพียรพยายามรักษาศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ พร้อมขันติความอดทนทุกคน จนตราบเท่ายาวชีวัง ตลอดชีวิต ด้วยจิตศรัทธาเลื่อมใสจริง ๆ ให้พากันทำความเพียรนั่งสมาธิ ยืนก็ให้เป็นสมาธิ เดินไปมาก็ให้เป็นสมาธิ ถอยหลังก็ให้จิตเป็นสมาธิ ไปรถไปเรือก็ให้เป็นสมาธิ ลงจากรถขึ้นจากเรือก็ให้เป็นสมาธิ ขึ้นเครื่องบินก็ให้เป็นสมาธิขณะโดยสารเครื่องบินก็ให้เป็นสมาธิ เวลาพูดก็ให้เป็นสมาธิ เวลาคิดก็ให้เป็นสมาธิ ตลอดเวลากลางวันก็ให้เป็นสมาธิ ตลอดเวลากลางคืนก็ให้เป็นสมาธิ อยู่ดีก็ให้เป็นสมาธิ เจ็บไข้ได้ป่วยก็ให้เป็นสมาธิ
    ครั้นสุดท้ายเวลาจะตายยิ่งให้เป็นสมาธิอย่างเยี่ยมยอด ถอดถอนอาสวะกิเลสออกให้หมดสิ้น ก็ดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพาน เอวังก็มีด้วยประการ ฉะนี้
    (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)

    ตอบลบ
  3. ธรรมลิขิต จากหลวงปู่...
    บัดนี้ เราทุกคนรู้แล้วว่า กิเลสมันดองอยู่ในจิตของเรามานานจนนับภพนับชาติไม่ได้ ที่เราเกิดมาตายอยู่ในโลกนี้ ก็เพราะจิตนี้ยังหลงอยู่ในกามารมณ์ สำคัญผิดคิดว่ากามให้ความสุข ที่ไหนได้ กามนี้มันให้ความทุกข์ ตั้งแต่เกิดจนตาย ตายแล้วยังตามจิตหลงไปจนนับภพนับชาติไม่ได้ในอนาคต ดูแต่ในปัจจุบันนี้ชาตินี้ คนใดที่บริโภคกามทางกายอยู่ ทางวาจาทางจิตอยู่ ย่อมมีแต่เรื่องร้อนจิตร้อนใจทั้งภายนอกทั้งภายใน ด้วยเหตุนี้แหละ เมื่อเราท่านทั้งหลายได้ฟังธรรมนี้แล้ว ได้พากันละกามตัวมารร้ายนี้ออกให้หมดสิ้น อย่าเสียดายอยู่เลย
    (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)

    ตอบลบ
  4. ธรรมลิขิตจากหลวงปู่
    โลกนี้มีแต่เรื่องทุกข์ ความสบายในโลกนี้ไม่มี จงพากันตั้งจิตให้มั่น อย่าหวั่นไหว ก็จะเห็นว่าโลกนี้เป็นทุกข์ กายมันก็ทุกข์เพราะความเจ็บไข้ไม่สบายต่าง ๆ นานา ทั้งที่ล่วงมาแล้วนับครั้งไม่ได้ ทั้งที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ทุกข์ในการบริโภคอาหาร ทุกข์เวลาแสวงหาอาหาร ทุกข์ในการแสวงหาที่อยู่อาศัย ทุกข์กับเครื่องนุ่งห่ม ทุกข์ในการแสวงหายารักษาโรค รูปร่างกายนี้เป็นสิ่งลำบากเต็มทน ผู้ใดทนได้ก็อยู่ไป ผู้ใดทนไม่ได้ ก็ตายไป นี้แหละทุกข์กาย ทุกข์จิตใจนั้นไม่มีเวลาพอ ทุกข์เพราะตัณหาความอยากได้ไม่มีเพียงพอ ที่พอในจิตตี้ไม่มีเสียแล้ว
    ถ้าใครปล่อยจิตไปตามตัณหาไม่ภาวนา ยิ่งทุกข์ ถ้าหากผู้ใดมารู้ว่าจะละตัณหาให้ได้ก็ด้วยการตั้งใจทำสมาธิภาวนา ก็ให้เริ่มตั้งใจแต่วินาทีนี้เป้นต้นไป ไม่ประมาทในการรักษาจิต เพ่งพินิจอยู่แต่ในกายกับจิตเท่านั้น จนกระทั่งจิตรู้แจ้งเห็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ ก็จะพ้นจากทุกข์ทุกคนแล
    (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)

    ตอบลบ