....ฯลฯ...
ให้เราเข้าใจว่าตัวเราทุกวันนี้ เรานอนหลับอยู่ก็คือว่านอนหลับรอท่าความตาย จงกำหนดให้ดีเรียกว่า มรณัง เม ภวิสสติ มรณะ ความตาย เรามักจะคิดว่าเรานอนสบาย เอาความสุขสบาย แท้ที่จริงนอนรอความตาย แล้วเวลาตายมันก็เหมือนเรานอนนั่นแหละ แต่ว่าจิตมันยังไม่ออกจากร่าง ความตายนั้นเรียกว่า จิตมันออกจากร่างแล้ว
จิตใจคนเรานั้น เมื่อมันออกจากสารีระร่างกายอันนี้แล้ว ไม่มีใครรู้เห็นไปได้ทุกทิศทุกทาง จงนึกเตือนจิตเตือนใจดวงนี้ เมื่อยังไม่ถึงเวลาตายว่า มรณัง เม ภวิสสติ เราต้องตาย คนทั้งหลายต้องตาย สัตว์ทั้งหลายไม่ว่าสัตว์บก สัตว์น้ำ ตายด้วยกันทั้งนั้น
ความตายนี้ไม่มีใครหลบหลีก แต่ว่าผู้จะมานึกมาเจริญพิจารณาให้เห็นแจ้งซึ่งความความตายนี้ ไม่ค่อยจะมี บางคนถ้ามีสติปัญญาน้อย ก็มักจะไปกลัวความตาย เพียงจะเอามานึกมาพิจารณาเป็นกรรมฐานสอนว่าเราจะต้องตาย ก็นึกไม่ได้ ถ้านึกเจริญก็กลัวมันตายเร็วเข้า เพราะตัวเองยังไม่อยากตาย เป็นอย่างนี้ก็มี แต่ว่าให้เราทุกคน นึกให้ได้ เจริญให้ได้ว่า ความตายนี้หนีไม่พ้น จะหลบหลีกท่าใหนก็ไม่พ้น หลบไปเถิด หลีกไปเถิด พ้นเวลาเด็ก เวลาหนุ่มตายก็มี พ้นเวลาหนุ่มแข็งแรง ปานกลางคนตายก็มี เลยปานกลางไป เลยอายุ ๔๐ ปี ๕๐ ปีไปก็ตายได้ทั้งนั้น ๖๐ ปีก็ตาย ๗๐ ปีก็ตาย ๘๐ ปีก็ตาย ๙๐ ปีก็ตาย ๙๙ ปีก็ตาย ๑๐๐ ปีก็ตาย เลย ๑๐๐ ปีไปสักกี่ปีก็ตาย..
....ฯลฯ.....
(พระธรรมเทศนา พระญาณสิทธาจารย์ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)
(ภาพ การลอยอังคาร ที่ อ่าวดงตาล สัตหีบ ชลบุรี)
*****
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น