วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

..กาม...

********

..กาม หมายถึง ความใคร่, ความอยาก, ความปรารถนา, สิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ 
  กามมี ๒ คือ 
  ๑.กิเลสกาม กิเลสที่ทำให้ใคร่
  ๒.วัตถุกาม วัตถุอันน่าใคร่ ได้แก่ กามคุณ ๕  คือ รูป เสียง กลิ่น รส และ โผฎฐัพพะ(สัมผัสทางกาย)ที่น่าใคร่พอใจ
..กามฉันทะ หมายถึง ความพอใจรักใคร่ในอารมณ์ที่ชอบใจ พอใจในกามคุณทั้ง ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ (ข้อ ๑ ในนิวรณ์ ๕)
..กามตัณหา ความทยานอยากในกาม ,ความอยากได้กาม(ข้อ ๑ ในตัณหา ๓)
..กามภพ  ที่เกิดของผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในกาม,โลกของผู้เสพกาม ได้แก่อบายภูมิ ๔ มนุษยโลก และสวรรค์ ๖ ชั้น ตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกา ถึงชั้นปรนิมมิตวสวัตดีรวมเป็น ๑๑ ชั้น(ข้อ ๑ ในภพ ๓)
..กามราคะ ความกำหนัดด้วยอำนาจกิเลสกาม ความใคร่กาม(ข้อ๔ ในสังโยชน์๑๐,ข้อ ๑ ในสังโยชน์ ๑๐ ตามนัยพระอภิธรรม,ข้อ ๑ ในอนุสัย ๗)
..กามสังวร ความสำรวมในกาม การรู้จักยับยั้งควบคุมตนในทางกามารมณ์ไม่ให้หลงใหลหมกหมุ่นในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส(ข้อ ๓ ในเบญจธรรม)
..กามสุข สุขในทางกาม สุขที่เกิดจากกามารมณ์
..กามารมณ์ ๑.อารมณ์ที่น่าใคร่ น่าปรารถนาได้แก่ ได้แก่กามคุณ ๕
  ๒.ในภาษาไทยมักหมายถึงความรู้สึกทางกาม
..กามาวจร ซึ่งท่องเที่ยวไปในกามภพ ได้แก่ ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ทุกสิ่งทุกอย่างประดามีที่เป็นไปในกามภพ ตั้งแต่อเวจีมหานรกถึงสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี
..กามาสวะ อาสวะคือกาม,กิเลสที่ดองอยู่ในสันดานที่ทำให้เกิดความใคร่
..กามุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่นในกามยึดว่าเป็นของเราหรือจะต้องเป็นของเรา จนเป็นเหตุให้เกิดริษยาหรือหวงแหนลุ่มหลง เข้าใจผิด ทำผิด
...ฯลฯ..
*******
(จาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ. ปยุตฺโต)
********


*******


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น