วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2565

การเจริญปัญญา

ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่

.............................

การเจริญปัญญา เพื่อความรู้แจ้งเห็นจริง

ก็ต้องอาศัยการระลึก

ให้จรดสภาวะรูปนามที่ปรากฏ


แต่ว่าในการปฏิบัติจริง ผู้ปฏิบัติใหม่ 

ยังไม่สามามารถจะระลึกรู้

สภาวะรูปนามได้

ก็จำเป็นต้องอาศัยรู้กรอบนอกไปก่อน


ถ้าจะอุปมาก็เหมือน

สภาวะรูปนามเป็นแกนใน

อันเป็นเป้าหมายในการเจริญสติ

ที่จะต้องเข้าไประลึกรู้

แต่ว่าผู้ปฏิบัติก็อาศัยกรอบนอกไปก่อน

ถ้ากำหนดรู้กรอบนอก

แล้วค่อยเชื่อมโยง

เข้าไปรู้ถึงแกนใน คือสภาวะรูปนาม


ในส่วนของกรอบนอก

ก็มีหลายๆ อย่างที่พระพุทธเจ้าได้แสดงไว้

ได้แก่ ๑ ลมหายใจเข้าออก

๒ อิริยาบถย่อย การคู้ การเหยียด

การก้ม การเงย การแล การเหลียวฯลฯ

๓ การพิจารณาอาการ ๓๒

พิจารณาเห็นเป็นของปฏิกูล

๔ พิจารณาธาตุ ร่างกายประกอบด้วย

ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

๕ พิจารณาการเป็นซากศพ

เพื่อให้เห็นเป็นของไม่งาม เป็นต้น


เมื่อจิตใจตั้งมั่นเป็นสมาธิ

ตัดความคิด ความฟุ้งซ่าน

เรื่องราวภายนอกอะไรต่างๆ ออกไป

จิตใจตั้งมั่นดี

ก็น้อมระลึกเข้าไปสู่แกนใน คือ รูปนาม 


รูปที่กาย ก็มีความเย็น ความร้อน

ความอ่อน ความแข็ง

ความหย่อน ความตึง เป็นรูปธรรมต่างๆ

นาม ก็เป็นความรู้สึก

รู้สึกตึง รู้สึกหย่อน รู้สึกไหว

รู้สึกแข็ง  อ่อน เย็น ร้อน

รู้สึกสบาย ไม่สบาย เป็นนามธรรม


จิตที่มีสติเข้าไปทำหน้าที่กำหนดรู้

เข้าไปรู้ เข้าไปพิจารณา

พิจารณาเป็นนามธรรม

เช่น เวลาที่ความไหว กำลังปรากฏ 

มีการระลึกรู้ 

ก็จะเท่ากับว่ามีความไหว อย่างหนึ่ง

มีจิตที่เข้าไปรู้ความไหว อย่างหนึ่ง

ความไหวๆ นี้เป็นรูปธรรม

จิตที่เข้าไปรู้ความไหว ก็เป็นนามธรรม


เพราะฉะนั้นเบื้องแรกอาศัยกรอบนอก

คือ กำหนดลมหายใจเข้าออก

แล้วก็เชื่อมโยงเข้ามารู้แกนใน

คือ รูปธรรม นามธรรม ที่กำลังปรากฏ

จนกระทั่งเห็นความเปลี่ยนแปลง

เกิดดับของรูปนาม

เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

จะเกิดวิปัสสนา เป็นปัญญา

รู้ตามความเป็นจริงขึ้นมา

............................

ธัมโมวาท โดย‎หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี

เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา

******

Cr.https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0nR1FAxo49YepPJS28QWsxKbsJ5wnnYyZNpvk3eoFrKNN3Qy6Wk7Xx1Q324P7pypSl&id=545668525590453

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น