คนจำนวนมากชอบถามพระว่าจะละความโกรธอย่างไร แต่ไม่ค่อยมีใครถามว่าจะละความโลภได้อย่างไร การเห็นโทษของความโลภและการฝึกจิตให้พ้นจากความโลภเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติธรรมที่คนมักมองข้ามกันบ่อยๆ
ความโลภเล็งเห็นแต่ความเพลิดเพลินในสิ่งทั้งหลายที่ทำให้ตกอยู่ในพันธนาการ ความโลภผูกมัดสรรพสัตว์ไว้ในวัฏสงสาร
ความโลภเปรียบเสมือนไม้เลื้อย บีบรัดเหยื่อเฉกเดียวกับไม้ที่เลื้อยเกี่ยวรัดพฤกษา
ความโลภละได้ยาก หรือไม่อยากละเสียด้วยซ้ำ เสมือนสีย้อมผ้าที่ยากจะซักออกให้หมดจด
ความโลภตรึงแน่นในจิต เสมือนชิ้นเนื้อที่นาบติดกระทะร้อนๆ
ความโลภพัดพาเราสู่อบายภูมิ เสมือนสายธารเชี่ยวพัดพาเราสู่ห้วงมหาสมุทร
ความโลภตรึงจิตไว้เหนียวแน่น เสมือนลิงติดตัง
เพื่อให้เห็นภาพอุปมาในข้อสุดท้ายชัดเจน พระพุทธองค์เคยทรงเล่าเรื่องนายพรานใช้ตังไม้ดักลิง ดังนี้
“ลิงโลภและเขลาตัวหนึ่งเข้าไปใกล้ตังไม้ แล้วลองเอามือแตะ มือข้างนั้นจึงติดตัง มันใช้มืออีกข้างจับเพื่อดึงมือข้างเดิมออก มือข้างนั้นจึงพลอยติดตังไปด้วย จากนั้นมันเอาเท้ายัน หวังจะดึงมือทั้งสองออก เท้าข้างนั้นจึงติดตัง พอเอาเท้าอีกข้างยันอีก คราวนี้ก็เลยติดตังทั้งมือทั้งเท้า ท้ายสุด มันใช้ปากคาบเพื่อจะดึงทั้งมือทั้งเท้าออก ปากก็เลยติดตังไปด้วย
เป็นอันว่า ลิงตัวนั้นติดตังไปถึงห้าจุด ได้แต่นอนครวญคราง ถึงแก่ความพินาศย่อยยับ แล้วแต่นายพรานจะจัดการไปตามใจชอบ”
(มักกฏสูตร สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ
******
Cr.https://www.facebook.com/photo.php?fbid=740434528111134&set=a.410133041141286&type=3&mibextid=UyTHkb