วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ภูมิคุ้มกันใจ


 ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่ 

.............................

นั่งสบาย ๆ ลองเจริญอานาปานสติ 

ฝึกอานาปานสติด้วย 

หายใจเข้าอย่างมีสติ รู้ตัว 

หายใจออกอย่างมีสติ รู้ตัว 

หายใจช้า ๆ เข้าออก 

ลองทดลองหายใจให้มันเข้าออกช้า ๆ ที่สุด 

แต่อย่ากลั้น 

ให้สบาย ๆ 

แต่ให้รู้ว่าหายใจอยู่ 

หายใจเข้ารู้อยู่ หายใจออกรู้อยู่ 


เราอาจจะบริกรรมพุทโธไว้ในใจก็ได้ 

หรือจะนับลมหายใจก็ได้แบบที่กล่าวแล้ว 

หรือดูแค่กระทบ ลมกระทบที่โพรงจมูกก็ได้ 

หรือดูลักษณะของลม ว่าลมยาวลมสั้นก็ได้ 

ตามลมเข้าไป ตามลมออกมาก็ได้ 

หรือดูนิ่ง ๆ ดูเฉย ๆ อยู่ก็ได้ตามถนัด 

ข้อสำคัญก็คือให้มันรู้อยู่ รู้อยู่ 

รู้อยู่กับลมหายใจ 


เมื่อเรามีสติตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออก ได้ต่อเนื่อง ๆ 

จิตเราก็จะมีสมาธิขึ้น 

ให้เราแผ่กระแสจิต 

แผ่กระแสจิตไปทั่วสรีระร่างกาย ในความรู้สึก 

หายใจเข้า หายใจออก 

รู้ลมหายใจเข้าออก 

แผ่กระแสจิตรับรู้ไปทั่วร่างกาย 

แต่ก็ยังรู้ลมหายใจอยู่ด้วย 

แต่รู้ครอบคลุมไปกายทั้งตัว ในความรู้สึก 

กายมันจะมีความรู้สึกอยู่ 

จากการหายใจเข้าออก 

จะมีความไหว ความกระเพื่อม ความสะเทือนในกาย 

ตลอดทั้งมามีโผฏฐัพพะมากระทบสัมผัสกาย เย็น ร้อน 

ทำให้รู้สึกเวทนา สบาย 

เย็นกระทบรู้สึกสบาย 

บางส่วนก็ไหว ๆ กระเพื่อม แข็ง อ่อน ร้อน เย็น 


รู้ลมหายใจต่อเนื่องไว้ 

แต่มีกระแสจิตแทรกซึมสัมผัสถูกต้องไปทั่วสรีระร่างกาย 

ทำจิตใจเหมือนเป็นเครื่องเอ็กซเรย์ 

ส่องไปในกายทั้งตัว 

ไปสัมผัสที่ความรู้สึกที่มันรู้สึก ๆ อยู่ 

และให้รู้สึกตัวว่ามีจิตผู้รู้อยู่ 


อะไรเป็นตัวส่อง? อะไรเป็นตัวดู?  

ให้รู้สึกตัวที่จิตขึ้นมา 

ให้เห็นว่ามันมีจิตผู้ดูอยู่ ผู้รู้อยู่ 

จะทำให้รู้สึก มีความเห็นได้ว่ามันมีอยู่ ๒ ส่วน 

มัน #มีกายส่วนหนึ่งที่ถูกรู้อยู่ 

มัน #มีจิตใจอยู่อีกส่วนหนึ่งที่เป็นผู้ดูอยู่เป็นผู้รู้อยู่ 

เราจะเห็นความจริงของชีวิตว่า 

#มันมีสภาวะประกอบ ๆ ในสรีระร่างกาย 

#กับมันมีจิตใจอีกส่วนหนึ่ง 

#ให้รับรู้ทั้งสองส่วน 

#และฝึกการปล่อยวางด้วย 


โดยในใจเรานึกถึงว่าปล่อยวาง ๆ ไม่เอาอะไร 

แต่ก็ยังรู้อยู่ ๆ  

รู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ รู้กายใจอยู่ แต่ปล่อยวาง 

สอนในใจตัวเองว่า 

ปล่อยวางหนอ ปล่อยวาง ปล่อยวาง วางเฉย 

#รู้ตัวทั่วพร้อมอย่างปล่อยวาง 


ให้มีความรู้สึกตัวไว้ รู้สึกตัวไว้ 

#ดูซิว่าใจเราเผลอ #ใจเราไหลออกไปไหม 

#ให้รู้สึกตัวกลับคืนเข้ามา 

#กลับคืนเข้ามารู้ที่กาย #รู้ที่ใจ 

#แล้วก็ปล่อยวาง #วางเฉย #ไม่เอาอะไร 


พอใจเราปล่อยวาง ละวางเรื่อย ๆ 

รู้สึกตัวอยู่เรื่อย ๆ ปล่อยวางอยู่เรื่อย ๆ 

เราจะสังเกต จิตใจของเราจะเริ่มเบาใจขึ้น ผ่องใสขึ้น 

ใจมันจะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ เบาใจ 

เรียกว่าใจมีธรรมะ 

มันจะเกิดความบันเทิงใจ เกิดความอิ่มเอิบใจ 

เรียกว่าปีติ 


ปีติมันจะเกิดที่ใจก่อน 

แล้วมันก็จะแผ่ไปถึงกาย 

ทำให้เกิดความซาบซ่านขึ้นในกาย 

ถ้ามันเป็นน้อย ๆ ก็อาจจะรู้สึกซ่า ๆๆๆ 

ถ้ามันเป็นมาก มันจะซาบซ่านไปทั้งตัว 

ฉะนั้นบางทีปีติทำให้ตัวโยก ตัวสั่น 

ทำให้น้ำตาไหล 

ทำให้ตัวเบา เหมือนจะลอย 


#ดูที่จิตไว้ 

รู้สึกตัวทั่วพร้อมที่จิตใจไว้ และปล่อยวาง 

จิตมีความบันเทิง ก็รู้ว่าจิตมีความบันเทิง 

จิตมีความอิ่มเอิบ ก็รู้ว่าจิตมีความอิ่มเอิบ 

จิตมีความสุข ก็รู้ว่าจิตมีความสุข 

จิตผ่องใส ใจตื่นรู้ 

กำหนดดูใจที่รู้ กายที่ไหว 

รู้กายที่ไหว ๆ กับลมหายใจเข้าออก กับจิตใจที่รับรู้กันไป 

และปล่อยและวางอยู่เนือง ๆ 

รู้ตัวทั่วพร้อมและปล่อยวาง 


ธรรมบรรยาย ภูมิคุ้มกันใจ 

ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปทุมวัน กรุงเทพฯ ๒๙-๖-๖๖ 

.............................

ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี

เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น