วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2564

สมถะ วิปัสสนา วิมุติ

 


...คนเรามีขา ๒ ขาก็จริง แต่เราต้องเดินทีละขา  ถ้าใครเดินทีเดียว ๒ ขาก็ก้าวไปไม่รอด หรือจะเดินแต่ขาเดียวก็ไปไม่ได้ เมื่อขาขวาหยุด ขาซ้ายก็ต้องก้าว เมื่อขาซ้ายหยุด ขาขวาก็ต้องก้าว ต้องหยุดขาหนึ่งก้าวขาหนึ่ง จึงจะมีกำลัง เพราะกำลังอยู่ที่ขาข้างที่หยุด ขาที่ก้าวไปนั้นไม่มีกำลังดอก ต้องหยุดเสียข้างหนึ่งแล้วก้าวไปข้างหนึ่ง จึงจะช่วยประคับประคองกันได้ มิฉะนั้นก็ไม่มีหลัก ต้องล้มกลิ้ง ไม่เชื่อใครลองเดินพร้อมๆ กันทีละ ๒ ขาดูบ้างซิ ว่าจะไปได้ตลอดไหม ฉันใด สมถะ วิปัสสนา ก็ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ดำเนินปฏิบัติเช่นเดียวกัน ต้องทำใจหยุดให้เป็น สมถะ เสียก่อน แล้วจึงก้าวไปพิจารณาเป็น วิปัสสนา อารมณ์ก็เกิดเป็นปัญญาปล่อยอารมณ์นั้นได้ก็เป็น วิมุติ การหยุดเหตุให้ได้กำลังเกิด วิชา เกิดปัญญา (อัปปนาจิต) รู้ได้ทั้งโลกและธรรมเป็นตัวอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ก็เข้าสู่โลกุตรธรรม
...ทำใจให้มันแคบเข้า หดเข้า สั้นเข้า จนเป็นจุดเล็กกลมกลืนอยู่ในเอกัคคตารมณ์
อย่าทำใจให้มันยื่นยาวออกไปหาสัญญาอารมณ์ภายนอก เพราะของอะไรที่มันยาวๆนั้น มันจับกันได้ง่าย ถ้าสั้นหรือกลมแล้ว มันก็จับยาก จับไม่ใคร่ติด เหมือนลูกฟุตบอลนี้นมีลักษณะกลมเราจึงจับยาก
     ฉันใดใจของเรานั้นถ้ามันสั้น แคบเข้า หดเข้า จนเกลี้ยงกลมเหลือนิดเดียวแล้ว กิเลสมันจะมาเกาะก็จับไม่ติด ต้องล่วงหลุดไปหมด   
**********
จากหนังสือ ท่านพ่อลี สอนศิษย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น