วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2564

พระสารีบุตร


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

พระสารีบุตร
อัครสาวกของพระพุทธเจ้า 
เกิดที่หมู่บ้านนาลกะ(บางแห่งเรียกนาลันทะ)
ไม่ไกลจากเมืองราชคฤห์
เป็นบุตรแห่งตระกูลหัวหน้าหมู่บ้าน บิดาชื่อวังคตพราหมณ์
มารดาชื่อสารี จึงได้นามว่า สารีบุตร
แต่เมื่อยังเยาว์เรียกว่า อุปติสสะ 
มีเพื่อนสนิทชื่อโกลิตะ ซึ่งต่อมาคือ พระมหาโมคคัลลานะ
ครั้งหนึ่งทั้งสองคนไปเที่ยวดูมหรสพแล้วเกิดความสลดใจ
คิดออกแสวงหาโมกธรรมและต่อมาได้ไปบวช
ที่สำนักสัญชัยปริพาชกไม่บรรลุจุดมุ่งหมาย
วันหนึ่งอุปติสสะพบพระอัสสชิกำลังบิณฑบาตเกิดความเลื่อมใส
ติดตามไปสนทนาถามหลักคำสอน ได้ฟังความโดยย่อ
ก็เกิดดวงตาเห็นธรรม จึงกลับไปบอกโกลิตะ
แล้วพากันมาขอบวชกับพระพุทธเจ้า
หลังอุปสมบทได้ ๑๕ วัน
นั่งถวายพัดแด่พระพุทธเจ้าอยู่ที่ถ้ำสุกรชาตาเขาคิชกูฏ
ได้ฟังธรรมชื่อ เวทนาปริคคสูตร ที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่ทีฆนขะ
ฟังจบได้บรรลุพระอรหันต์
ท่านเป็นกำลังสำคัญของพระพุทธเจ้าในการประกาศพระศาสนา
ได้รับยกย่องเป็นเอตะทัคคะในทางมีปัญญามาก และ
เป็นพระอัครสาวกฝ่ายขวาและได้รับยกย่องเป็นพระธรรมเสนาบดี
ท่านปรินิพพานก่อนพระพุทธเจ้าไม่กี่เดือน
ก่อนปรินิพพานท่านได้เดินทางไปโปรดมารดาให้บรรลุโสดาบัน
แล้วท่านก็ปรินิพพานที่บ้านเกิด
❤❤❤

Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก
❤❤❤
เวทนาปริคคหสูตร (ทีฆนขสูตร)
 ว่าด้วยการยึดถือทิฏฐิหรือทฤษฎีต่างๆ
ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ทะเลาะวิวาทกัน
พระพุทธองค์ทรงสอนว่า เมื่อเห็นสภาวะของชีวิตร่างกายนี้
ที่ไม่เที่ยง ไม่คงทน ตลอดจนไม่เป็นตัวตนที่แท้จริงแล้ว
ก็จะละความติดใคร่เยื่อใยและความเป็นทาสสนองร่างกายเสียได้
อีกทั้งเมื่อรู้เข้าใจว่าเวทนาทั้ง ๓ ไม่เที่ยง เป็นปัจจัยปรุงแต่งขึ้นมา
เพราะเหตุปัจจัย จะต้องสิ้นสลายไปเป็นธรรมดา
ก็จะจางคลายหายติดในเวทนาทั้งสามนั้น
หลุดพ้นเป็นอิสระได้ ผู้มีจิตใจหลุดพ้นอย่างนี้แล่ว
ก็จะไม่เข้าข้างใคร ไม่วิวาทกับใคร
อันใดเขาใช้พูดจากันในทางโลก ก็กล่าวไปตามนั้น
โดยไม่ยึดมั่นถือมั่น
❤❤❤










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น