วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เพื่อนรัก..



Cr.Fwd.line

“เส้นทางพิสูจน์ม้า..กาลเวลาพิสูจน์คน”

กล่าวกันว่า "โหล่วเอี๊ยว" กับ "แบ๋ลัก" เป็นเพื่อนรักกันมาก
ตั้งแต่เล็ก ก็เรียนด้วยกัน เล่นด้วยกัน โตมาด้วยกันจนเป็นคู่ซี๊แทบแยกกันไม่ออก  มีนิสัยที่ชอบพูดเล่น หัวเราะ กระเซ้าเย้าแหย่ กลั่นแกล้งกัน จนกลายเป็นตำนาน เรื่องแสบ ๆ ของคนทั้งคู่

กาลเวลาที่ผ่านไป ทั้งโหล่วเอี๊ยว และแบ๋ลัก ต่างเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ เข้าสู่วัยที่ต้องสร้างครอบครัวกันแล้ว

โหล่วเอี๊ยวไม่มีปัญหา ไม่เคยกังวลเรื่องหาภรรยา เพราะคุณพ่อ ทั้งรวยและมีอิทธพลสูงไม่ต้องกังวลว่าจะหาเมียไม่ได้

แต่กับ "แบ๋ลัก" มันต่างกันมาก ครอบครัวแบ๋ลักยากจน หาเช้ากินค่ำ
ความยากจนค่นแค้น ทำให้จนบัดนี้ ยังไมมีใครมาเป็นแม่สื่อให้ เรื่องนี้ ทำให้แบ๋ลักรู้สึกท้อแท้มาก

อยู่มาวันหนึ่ง มีคนส่งแม่สื่อมาเจรจาขอแต่งงานกับ "แบ๋ลัก" ทำให้เขาดีใจมาก แต่มีข้อแม้คือ ฝ่ายผู้หญิงเรียกสินสอด ค่อนข้างมาก สุดที่ "แบ๋ลัก" จะหามาได้ ทำให้กลัดกลุ้มใจอยู่นาน สุดท้าย จำยอมต้องไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรัก "โหล่วเอี๊ยว"

"โหล่วเอ๊ยว"กลับพูดว่า "ชะชะ ไอ้ตี๋น้อย วาสนาดีนี่ มีผู้หญิงหน้าตาดีมาขอแต่งงานด้วย ไม่รู้ว่าแกทำบุญมาจากชาติปางไหน แต่ว่า ฮ่าฮ่า ๆ เรื่องยืมเงินค่าสินสอดนั้นได้อยู่ แต่ข้ามีข้อแม้นะ คืนส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ ข้าต้องเป็นตัวแทนแก 3 วันนะ ว่าไงฮ่า ฮ่า ๆ”

พอได้ยินเช่นนี้ แบ๋ลักถึงกับเข่าอ่อน "นี่เมียเพื่อนนะ แกทำงี้ได้ยังไง เพื่อนต้องไม่เอาเปรียบรังแกกันนะ แกเข้าใจคำนี้ไม๊ พูดออกมาได้ไง?” แม้จะพูดอย่างสุภาพ แต่ในใจโกรธจนควันออกหู อยากจะเข้าไปซัดให้หน้าแหกซักหมัด แต่ว่า หลังจากนั้นก็เริ่มคิดว่า ชาตินี้เห็นทีเราจะหาเมียไม่ได้แน่แล้ว

คนจีนมีคำกล่าวว่า เรื่องอกตัญญูที่ยิ่งใหญ่ มี 3 เรื่อง ไม่มีทายาทสืบสกุลเป็นเรื่องใหญ่สุด, สุดท้าย ถอนใจเฮือกใหญ่ ได้แต่รับปาก "โหล่วเอี๊ยว" ไป

วันมงคลมาถึงแล้ว "แบ๋ลัก" ได้แต่แอบซ่อนอยู่อีกห้องหนึ่ง สายตาเหลือบเห็น "โหล่วเอี๊ยว" เข้า ๆ ออก ๆ ห้องหอตัวเอง แถมยังร้องเพลงเยาะเย้ย อย่างอารมณ์ดี. ในใจ "แบ๋ลัก" ยิ่งกว่าถูกมีดกรีดก็ไม่ปาน

ในที่สุด 3 วันผ่านไป วันที่ 4 ถึงคิวตัวเองเข้าหอแล้ว แต่ก็ไร้ซึ่งแสงเทียนแห่งความสุขของคืนแต่งงาน พอฟ้ามืด "แบ๋ลัก" ได้แต่มุดเข้าไปในห้องหอ ขึ้นไปนอนคุมโปงอยู่บนเตียง พยายามนอน แต่ไม่หลับ ด้วยยังทำใจไม่ได้ เจ้าสาวของ "แบ๋ลัก" เห็นดังนั้น ก็เข้ามาถามด้วยความแปลกใจว่า “เซียงกง (คำเรียกสามี) ทำไม 3 คืนก่อน เห็นอ่านหนังสือท่องตำราจนสว่าง ไม่หลับไม่นอน คืนนี้เป็นอะไรไปเหรอ แล้วทำไมเวลานอนต้องคุมโปงด้วย
ฟังถึงตรงนี้ "แบ๋ลัก" รู้แล้ว่า ที่แท้ "โหล่วเอี๊ยว" ล้อเล่นกับตัวเอง จึงทั้งโกรธและดีใจ การถูกเพื่อนล้อเล่นแรง ๆ แบบนี้ มันช่างเหลือทนจริง ๆ

หลังจากนั้น "แบ๋ลัก" ก็ใช้ความขยัน วิริยอุตสาหะในการอ่านหนังสืออย่างจริง ๆ จัง ๆ โดยหวังจะไปสอบเข้ารับราชการที่เมืองหลวง หลายปีต่อมาความฝันของ "แบ๋ลัก" ก็ประสพผลสำเร็จ สอบเข้ารับราชการที่เมืองหลวง ได้ตำแหน่งใหญ่โต

เราจะหยุดเรื่องราวของ "แบ๋ลัก" ใว้ก่อน หันมาดูเรื่องของ "โหล่วเอี๊ยว" บ้าง ชีวิตของ "โหล่วเอี๊ยว" เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย มีจิตใจออบอ้อมอารีย์ มีความจริงใจต่อ "แบ๋ลัก" มาก เพียงแต่เป็นคนชอบล้อเล่นแรงๆ กับเพื่อนเท่านั้น "โหล่วเอี๊ยว" เห็น "แบ๋ลัก" กังวลเรื่องหาภรรยาไม่ได้
จึงแอบหาแม่สื่อ ไปเสาะหาผู้หญิงที่ดีมาให้เป็นภรรยาของ "แบ๋ลัก" และวางแผนกลั่นแกล้ง "แบ๋ลัก" ในวันแต่งงาน จนแทบคลั่งใจตายนั่นเอง
ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเอง ทั้ง 3 คืนก็ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าสาวด้วยซ้ำ แต่จิตใจของ "โหล่วเอี๊ยว" ที่แอบช่วยให้ "แบ๋ลัก" ได้แต่งงาน ในสังคมนับว่า หายากมาก

เรื่องราวในโลกนี้ มักจะเปลี่ยนแปลงเหมือนน้ำในคลองเสมอ มีขึ้นมีลง
หลายปีต่อมาครอบครัวของ "โหล่วเอี๊ยว" จากเศรษฐีที่ร่ำรวย ก็กลายเป็นยากจนลง จนแทบจะเอาตัวไม่รอด จึงคิดถึง "แบ๋ลัก" ขึ้นมา หลังจากปรึษากับภรรยาแล้ว จึงได้เข้าเมืองหลวง ขอความช่วยเหลือจาก "แบ๋ลัก" เพื่อดูว่าเพื่อนรัก พอจะช่วยพยุงฐานะครอบครัวได้บ้างไหม "แบ๋ลัก" พอเห็น "โหล่วเอี๊ยว" มาเยี่ยม ก็ดีใจมากจนเสียงหลง ต้อนรับขับสู้ทั้งสุราอาหารพร้อม และชวนให้พักอยู่กับตนนาน ๆ

เพื่อไม่ให้เสียเวลา "โหล่วเอี๊ยว" รีบบอกเจตนาที่มา แต่ "แบ๋ลัก" กลับเหมือนไม่ได้ยิน หูตึงขึ้นมาทันที ได้แต่พูดเรื่องไร้สาระ และบอกให้ "โหล่วเอี๊ยว" ดื่ม ๆๆๆ  ผ่านไปอีกหลายวัน ก็ยังไม่เห็น "แบ๋ลัก" เอ่ยปากว่าจะช่วยอย่างไร, แถมยังถูก "แบ๋ลัก" พูดเหมือนรังเกียจว่า เพื่อนเอ๋ย รีบกลับบ้านเถิด อาซ๊อน่าจะเป็นห่วงแย่แล้ว "โหล่วเอี๊ยว" เต็มไปด้วยความผิดหวัง โกรธจนหัวหมุน แต่ก็ได้แค่เดินคอตกกลับบ้านด้วยความท้อแท้

"โหล่วเอี๊ยว" มาถึงบ้าน แต่ก็ต้องแปลกใจมาก ว่า ที่บ้านมีงานศพ
ชาวบ้านมาช่วยงานจำนวนมาก พอเข้าไปในบ้าน ก็เห็นมีโลงศพตั้งอยู่กลางบ้าน และมีภรรยากับลูก ๆ ใส่ชุดใว้ทุกข์นั่งร้องให้อยู่ข้างโลงศพ
จึงถามขึ้นว่า "นี่ มันเรื่องอะไรกัน" พอภรรยาและลูกหันมาเห็น "โหล่วเอี๊ยว" ถึงกับสะดุ้งตกใจ เหมือนเห็นผี  พอซักไซ๊ไล่เลียงดูแล้ว ภรรยาและลูก ทั้งตกใจและดีใจ เข้ามาร้องให้กอดกันกลมอยู่หน้าโลงศพ

เรื่องนี้ แท้จริงแล้ว โลงศพใบนี้ เป็น "แบ๋ลัก" ให้คนส่งมาจากเมืองหลวง
คนส่งโลงบอกว่า หลังจาก "โหล่วเอี๊ยว" ไปถึงเมืองหลวง เกิดป่วยหนักกระทันหัน จนเสียชีวิต พอ "โหล่วเอี๊ยว" ฟังถึงตรงนี้ ก็โกรธจัด ใช้เท้าถีบฝาโลงจนเปิดออก

ไอ้หยา(โอ้โห) ภายในโลง บรรจุด้วยทรัพ์สินมีค่ามากมาย
เพ่งดูอีกที เห็นมีกระดาษ 1 แผ่น เขียนว่า

"你让我妻守空房--我让你妻哭断肠 (ลื่อเหยี่ยงอั๋วชี สิวคงปั๊ง อั้วเหยี่ยงหลือชี เค้าตึ่งตึ๊ง )
แปลว่า แกทำให้เมียข้าเฝ้าหอว่างเปล่า..ข้าขอทำให้เมียแกร้องให้จนใส้แทบขาด ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆ

"โหล่วเอี๊ยว" ได้แต่หัวเราะ พร้อมกับร้องไห้น้ำตาไหล  ไอ้ ไอ้ "แบ๋ลัก" ไอ้ชั่ว ไอ้เลว แกน่าจะนอนมาในโลงด้วย แล้วมารอข้าถึงจะถูก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้เพื่อนเลว

วลีประทับใจ:

ชีวิตคนเรานี้สั้นนัก แค่ไม่กี่สิบปี แม้คบเพื่อนได้มากมาย แต่เพื่อนแท้ที่รู้ใจ จริงใจ เจ็บแทนได้ มีสักกี่คน?

หากท่านมีวาสนา ได้มีเพื่อนที่ดีเช่นนี้ โปรดทนุถนอมใว้เถอะ

เพื่อนแท้ เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต ทำให้เส้นทางชีวิตไม่โดดเดี่ยว

เป็นที่มาของคำพูดว่า 路遥知马力--日久见人心 (โหล่วเอี้ยวไจแบ๋ลัก ยิกกู้เกี๊ยงหนั่งซิม )

เส้นทางลำบาก พิสูจน์กำลังม้า, กาลเวลา พิสูจน์ใจคน

แปล และเรียบเรียงโดย เจงเอี่ยม แซ่อึ้ง 黄振炎 20/1/2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น