วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

น้ำเอยน้ำใจ ๒

น้ำเอยน้ำใจ...














....ขอบคุณผู้สร้างสรรผลงาน...แบ่งปันเป็นวิทยาทาน....

***************
เก็บมาฝากจากไลน์ (คลิก)
*************

น้ำเอยน้ำใจ...

สังคมดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องช่วยกันทำ...





























....ขอขอบคุณผู้สร้างสรรผลงานทุกท่าน.....
.......แบ่งปันเป็นวิทยาทาน........
***********
น้ำเอยน้ำใจ ๒ (คลิก)
***********

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563

พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก ๖

เสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์













***********
สพฺพทานํ  ธมฺมทานํ   ชินาติ 
สพฺพํ    รสํ    ธมฺมรโส   ชินาติ 
สพฺพํ  รตึ  ธมฺมรตี  ชินาติ ตณฺหกฺขโย  
 สพฺพทุกฺขํ  ชนาติ.
 " ธรรมทาน   ย่อมชนะทานทั้งปวง, 
รสแห่ง ธรรม  ย่อมชนะรสทั้งปวง, 
ความยินดีในธรรม ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง,  
ความสิ้นไปแห่งตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง."

**************



พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก ๕

พุทธกิจในแคว้นมคธ








สพฺพทานํ  ธมฺมทานํ   ชินาติ 
สพฺพํ    รสํ    ธมฺมรโส   ชินาติ 
สพฺพํ  รตึ  ธมฺมรตี  ชินาติ ตณฺหกฺขโย  
 สพฺพทุกฺขํ  ชนาติ.
 " ธรรมทาน   ย่อมชนะทานทั้งปวง, 
รสแห่ง ธรรม  ย่อมชนะรสทั้งปวง, 
ความยินดีในธรรม ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง,  
ความสิ้นไปแห่งตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง."

**************


วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563

มัธยมปีที่สาม รุ่นสุดท้าย โรงเรียนวัดจำปา อ.ย.๒๐


"สวัสดีค่ะ หนูเป็นลูกคุณพ่อดิเรก 
ที่อยู่บ้านหนองน้ำส้มอยุธยา
คุณพ่ออยากติดต่อเพื่อนเก่าค่ะ 
คุณพ่อบอกว่าให้ช่วยตามหาคุณอา
ผ่านเฟซบุ๊คเผื่อจะเจอ 
แต่ว่าคุณพ่อไม่เล่นเฟซบุ๊คค่ะ
ไลน์ก็ไม่มี คุณพ่อฝากบอกว่า 
ถ้ายังจำเพื่อนสมัยเรียนคนนี้ได้
ก็ขอให้ติดต่อกลับมาที่เบอร์xxxxxด้วยนะคะ//
ขอบคุณมากค่ะ ^_^"


....และแล้วเพื่อน ๆ ก็พยายามติดต่อกัน
 โดยมี วันดี เป็นแกนนำ จนพวกเราได้มาพบกัน...



12 ตุลาคม 2565 ร้านยอดกุ้งเผา














ก่อน ล็อกดาวน์ พบปะ เมื่อ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๓


๑๘ สิงหาคม ๖๓  ครัวปลา อยุธยา


แล้วกลับมาพบกันอีกนะเพื่อน.....

************





วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563

Greta Thunberg


https://youtu.be/H2QxFM9y0tY

อยู่คนเดียว..


เพื่อนสามคนโดนปล่อยเกาะกลางทะเล ขณะกำลังเดินไปตามชายหาดพบขวดหนึ่งขวด เปิดออกแล้วจีนี่ (ชื่อยักษ์ในตะเกียงวิเศษ) ออกมาแล้วก็ขอบคุณที่ปล่อยให้เป็นอิสระหลังจากที่ถูกขังไuว้หลายร้อยปี แล้วให้เพื่อนสามคนขออะไรก็ได้หนึ่งข้อ สองคนแรกขอกลับบ้านแล้วก็หายวับไปทันที คนที่สามตกใจเมื่ออยู่คนเดียว อุทานว่าเหงาจังเลย ขอให้เพื่อนกลับมา

คนเราส่วนใหญ่อยู่คนเดียวไม่เป็น พออยู่คนเดียวแวบเดียวก็เหงา คิดถึงเพื่อน นี่คือความอ่อนแอของจิตใจ ความทุกข์ที่คนมักมองไม่เห็นว่าเป็นปัญหา คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา

ผู้ที่สามารถฝึกจิตให้มีสติตื่นรู้อยู่ในปัจจุบันอย่างต่อเนื่องจะมีความรู้สึกว่าไม่ขาดอะไรสักอย่าง จะอยู่คนเดียว อยู่น้อยคน อยู่มากคน ความรู้สึกนี้คงที่ จะคบเพื่อนก็มีความสุขได้ จะอยู่คนเดียวก็มีความสุขได้เหมือนกัน ความสุขจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยภายใน ไม่ต้องพึ่งคนอื่นจึงมีความสุขได้ ความคล่องแคล่ว ความเป็นอิสระอย่างนี้ ไม่น่าปรารถนาหรือ

พระอาจารย์ชยสาโร
******
Cr.https://www.facebook.com/318196051622421/posts/2730296670412335/

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563

New Me

Cr.Fwd line
....การเตรียมตัวสู่ "New Normal" = New "Me"...👨‍⚕️💉🩺....

22 เมษายน 2563

โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรศ.ดร.พญ.ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

New Normal ไม่ใช่แค่คำสวยหรูสำหรับการประกาศเชิญชวน

แต่เป็นสิ่งที่เราทุกคนในสังคมต้องตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเองให้เปลี่ยนไปจากที่เคยทำประจำในอดีตให้ได้

แม้จะไม่ชอบ ไม่สะดวกสบาย หรือฝืนใจ

แต่หากเรารักตัวเรา รักพ่อแม่พี่น้องและคนใกล้ชิด ไม่อยากติดเชื้อจากใคร ไม่อยากแพร่ให้เค้า ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากเสียชีวิต

ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากทำให้เป็น New "Me"

ควรตั้งแง่สงสัยไว้เสมอว่า คนที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันนั้น ไม่ว่าจะรู้จักคุ้นเคยกันดีเพียงใด ก็ล้วนอาจติดเชื้อโรค COVID-19 อยู่โดยไม่รู้ตัว

โรคนี้ยังไม่มีวิธีรักษามาตรฐาน

โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

แถมการตรวจก็ทรมาน และใช้ทรัพยากรมาก

ถ้าเป็น ต้องรักษาตัวอยู่นานหลายสัปดาห์ และมีโอกาสตาย ไม่ใช่หวัดธรรมดา

New "Me"...ประกอบด้วยขั้นตอนปฏิบัติในชีวิตประจำวันอย่างน้อยอีก 1 ปีถัดจากนี้ ดังนี้

หนึ่ง ตั้ง Default ของชีวิตว่า "อยู่กับบ้าน" ออกจากบ้านเมื่อยามจำเป็นจริงๆ เท่านั้น

สอง ต้องเช็คอาวุธประจำตัวก่อนก้าวเท้าออกไปจากบ้าน "ใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย พกเจลแอลกอฮอล์หรือสเปรย์แอลกอฮอล์" พร้อมวางแผนให้ชัดว่าจะไปไหน ทำอะไร เจอใคร และพยายามจัดการให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดเวลาสัมผัสผู้คนภายนอก หากไม่จำเป็นจริงๆ อย่าไปลงแรงออกจากบ้านให้เสี่ยงเลย ใช้โทรหรือวีดิโอคอลล์ติดต่อแทนจะดีกว่า

สาม ล้างมือเป็นประจำทุกครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงขณะอยู่ข้างนอก แต่ถ้าเผลอไปจับสิ่งของสาธารณะ หรือจับหน้ากากตัวเองเมื่อไหร่ ให้ล้างมือเมื่อนั้น และระวังอย่าเอามือไปขยี้ตาและล้วงแคะแกะเกาจมูกปาก

สี่ ใช้ขนส่งสาธารณะเท่าที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น ถ้าจะใช้รถเมล์ รถไฟ รถตู้ ควรเช็คให้ดีว่าแออัดไหม ถ้าใกล้กันกว่าหนึ่งเมตร อาจต้องรับรู้ไว้ว่าเสี่ยงติดเชื้อนะ ไม่ไปจะดีกว่าไหม รอคันอื่น หรือเลือกเวลาที่ไม่แออัด แต่หากเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องคอยสังเกตอาการ ประเมินความเสี่ยงของตนเอง เมื่อสงสัยควรรีบไปตรวจที่สถานพยาบาลหรือปรึกษาแพทย์

ห้า ใช้บริการมอเตอร์ไซค์ นั่งซ้อนแล้วควรใส่หน้ากากอนามัยเสมอ และสังเกตด้วยว่าคนขับนั้นใส่หน้ากากและใส่หมวกกันน็อคไหม ถ้าไม่ ก็ควรบอกให้ใส่ ถ้าไม่ใส่ ไม่ควรใช้บริการ

ตอนนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ ควรหันข้าง ไม่นั่งคร่อม คุณผู้หญิงคงจะชิน แต่ผู้ชายอาจลำบาก ถ้าจะนั่งคร่อม อาจต้องหันหน้าไปด้านข้าง จะดีกว่า เพื่อกันไม่ให้เราหายใจรดหลังคนขับ แม้จะใส่หน้ากากแล้วก็ตาม

หก อยู่ข้างนอก ระแวงคนอื่นไว้เยอะๆ จะได้อยู่ห่างๆ จากเค้า อย่างน้อย 1-1.5 เมตรเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิดคุ้นเคย เจ้านายลูกน้อง หรืออื่นๆ เพื่อทั้งเราและเค้าจะได้ปลอดภัย

เจ็ด "ยืดอก...พกถุง" พกถุงผ้าไว้ติดตัว เวลาซื้ออาหารหรือของจิปาถะจะได้ใช้ได้เสมอ ไม่ต้องแชร์ หยิบจับภาชนะกับคนอื่นในสังคม ไม่ติดไม่แพร่ถ้าไม่แชร์

แปด จำไว้ว่า อย่าแชร์แก้ว แชร์ขวด แชร์ช้อนส้อมจานชาม หรือแม้แต่แชร์บุหรี่กับใครก็ตามที่ไม่ใช่ตัวเราเอง จำได้ไหมว่าแพร่กระจายกันกระจุยแถวทองหล่อ ดังนั้นต้องไม่ทำ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน

เก้า กลับถึงบ้านอย่าเพิ่งไปกอดหอมทักทายคนรักคนใกล้ชิด ล้างมือก่อนเข้าบ้าน เข้าบ้านแล้วไปอาบน้ำก่อนดีกว่า

สิบ หากรัฐเค้าจะปลดล็อคการใช้ชีวิตในสังคมในรูปแบบใดก็ตาม จะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยก็แล้วแต่ ขอให้ทุกคนที่พออยู่นิ่งๆ แบบที่ทำกันมาตลอดในเดือนมีนาคมและเมษายน จงอยู่นิ่งๆ กับบ้านต่อไปดีกว่าครับ เพราะทั่วโลกที่ปลดล็อคนั้น เค้าโชว์ให้เราเห็นแล้วว่า มีโอกาสระบาดซ้ำสูงมาก

ถ้าเราไหว ทำงานที่บ้านเยอะๆ อยู่นิ่งๆ ไปก่อน ดูลาดเลาเงียบๆ ตลอดเดือนพฤษภาคม

ถ้าเราเป็นเจ้านาย ให้ลูกน้องทำงานจากบ้านเยอะๆ ตลอดเดือนพฤษภาคม จะช่วยป้องกันเราและลูกน้องได้มาก

หากเกิดระบาดซ้ำ อย่างน้อยเราก็จะได้เป็นกำลังเสริมสำหรับสังคม ช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ

ระบาดรุนแรงครั้งนี้ เราจะรอดกันได้ ถ้าเราวางยุทธศาสตร์การใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ ห่วงตนเอง คนรัก คนใกล้ชิด ใช้ชีวิตพอเพียง

#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ

#StayHome #อยู่บ้านกันนะครับ

#โรคติดต่อจะไม่ติดต่อถ้าเราไม่ติดต่อกัน

#ดูแลตนเองและคนใกล้ชิด

#ช่วยเหลือแบ่งปันคนเดือดร้อน

#อยู่นิ่งๆในเดือนพฤษภาคมหากเรายังไหวแล้วเราจะปลอดภัย

ไทยต้องทำได้ครับ...

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563

สวัสดีครับ..ที่นี่ประเทศไทย


Cr.Fwd Line

ไทยกระหึ่มโลก
ต่างชาติชูแก้โควิด-19 ได้ดีเยี่ยม  !!

หลังจากมวลมนุษยชาติรับรู้ถึงการเกิดขึ้นใหม่ของโรคโควิด-19
ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
จนถึงวันนี้พบผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมแล้ว 2,331,892 ราย เสียชีวิตกว่า 160,892 ราย

ก่อนหน้านี้ประเทศไทยถูกคาดการณ์ อาจเป็นชาติแรก ๆ ที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดรองจากจีน
เนื่องจากนักท่องเที่ยวประเทศดังกล่าวเดินทางเข้ามามากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

แพทย์ที่มีชื่อเสียงของไทยคาดการณ์ อาจจะมีผู้ติดเชื้อในไทยมากถึง 3 แสนคนในช่วงเดือนเมษายน

ข้อมูลดังกล่าวได้สร้างความตกอกตกใจให้กับชาวไทยเป็นอย่างมาก

ซ้ำร้ายหมอบางคนยังให้ข้อมูลเพิ่มเติม หากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันแตะที่หลักร้อยเมื่อไหร่
การกระจายตัวไปสู่หลักพัน หลักหมื่น หลักแสน จะเป็นอย่างรวดเร็ว

ถึงวันนี้ย่างเข้าสู่เดือนที่ 4 ของการแพร่ระบาด
แต่สถานการณ์ในประเทศไทยกลับไม่เดินไปถึงจุดที่หลาย ๆ ฝ่ายคาดการณ์

ยอดผู้ติดเชื้อรวม ณ วันนี้มีเพียง 2,765 ราย รักษาหายแล้ว 1,928 ราย เสียชีวิตแค่ 47 ราย

แม้เราจะเคยมีผู้ติดเชื้อแตะหลักร้อยสูงสุดคือ 188 ราย /วัน ในช่วงเดือนมีนาคม

แต่ยอดกลับไม่ทะยานขึ้นอย่างที่คาด หนำซ้ำยังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

สวนทางกับประเทศอื่น ๆ ในชาติอาเซียนด้วยกัน อย่างญี่ปุ่นกับสิงคโปร์ ที่สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง
ยังไม่รวมชาติตะวันตกที่ประชากรเสียชีวิตเหมือนใบไม้ร่วงในแต่ละวัน และมีแนวโน้มที่หยุดไม่อยู่
จนต่างชาติเองต่างก็ทึ่งในความสามารถของประเทศไทย
ทึ่งในระบบสาธารสุขของประเทศกำลังพัฒนาอย่างเรา

วันนี้ จึงจะขอนำตัวอย่างคำชื่นชมเหล่านั้นมาให้อ่านกันให้ชื่นใจ
แล้วเราจะรู้สึกเชื่อมั่นในประเทศของเรามากขึ้น

เริ่มที่ผู้นำโลกอย่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เอ่ยชื่อประเทศไทยที่ติดท็อป 10 สามารถป้องกันเชื้อโควิด-19ได้ดีที่สุดในโลก และเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพียงชาติเดียวที่มีชื่อในระดับโลกเช่นนี้

รวมถึงนายไมเคิล จอร์จ ดีซอมเบร (H.E. Mr. Michael George DeSombre) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มองว่ารัฐบาลไทยมีมาตรการที่เข้มแข็ง ชัดเจน ส่งผลให้มีแนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นแนวราบ

เจเรมี ฮันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ

เสนอให้รัฐบาลอังกฤษดูตัวอย่างประเทศไทย ซึ่งเป็นชาติแรกหลังจากจีนที่ได้รับเชื้อ แต่ขณะนี้ตัวเลขกลับลดลง ๆ เนื่องจากบริหารจัดการระบบสาธารณสุขได้ดี

ศ.นพ.ลินคอล์น เชน ประธาน China Medical Board ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระหว่างประเทศ และอดีตศาสตราจารย์ประจำวิทยาลัยสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอกว่า

ประเทศไทยนั้นยิ่งกว่าพร้อมในการรับมือปัญหาโรคระบาดด้วยสเกลขนาดนี้ เพราะมีระบบสาธารณสุขที่ดีเยี่ยมระดับโลก

เว็บไซต์Berliner Morgenpost สื่อของเยอรมัน ลงบทความชื่นชมมาตรฐานการป้องกันของไทยที่ดีเยี่ยม แม้แต่จังหวัดเล็ก ๆ ของเรายังมีมาตรการป้องกันโรคที่รัดกุมกว่าในกรุงเบอร์ลิน ของเยอรมนี

อากิระ โคดากะ ช่างภาพชาวญี่ปุ่น จากเว็บข่าวนิดเคอิ เอเซียน รีวิว ตระเวนเก็บภาพในกทม. ยังต้องอึ้งกับพวกเรา โดยบอกว่าปกติคนไทยรักสนุก แต่หลังจากมีโควิด-19 คนไทยกลับรักษาระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด รักษาระยะห่างทางสังคมตามคำแนะนำ เช่น การยืนรอรถเมล์ที่มีระยะห่าง กดเงินตู้เอ็มทีเอ็มตามเครื่องหมายที่กากบาทไว้ให้ แม้แต่พระสงฆ์ยังสวมใส่หน้ากาก รวมถึงตำรวจใช่โล่กำบังคุยกับประชาชน ถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก

ด้าน The Japan News  สัมภาษณ์ชายชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปี ย้ายมาทำงานที่ประเทศไทยแล้วติดเชื้อโควิด-19 และตอนนี้รักษาหายแล้ว  เขาบอกว่ารัฐบาลญี่ปุ่นต้องเอาไทยเป็นแบบอย่างด้วยการสั่งปิดกิจการ หรือพื้นที่สุ่มเสี่ยงทันที เพราะหากไม่มีมาตรการที่เข้มข้นเช่นนี้ ไม่มีทางจะเอาชนะโรคนี้ได้

ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวชื่นชมไทย มีระบบการดูแลสุขภาพระดับครอบครัวที่ดีเยี่ยม มีอสม. กว่า 1,040,000 คน ที่เป็นพลังงานเงียบที่ช่วยสู้โควิด-19 ของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยังไม่รวมคนไทยในต่างแดน อาทิ คนไทยในสหรัฐอเมริกา อิตาลี สเปน อังกฤษ ฯลฯ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ณ เวลานี้ประเทศไทยทำได้ดีที่สุด ดีกว่าชาติอื่นที่เขาไปอาศัยอยู่ ขณะที่ชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยต่างก็ชื่นชมมาตรฐานการคัดกรอง การมีวินัยของคนไทยเช่นกัน ที่ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทางการอย่างเคร่งครัด เช่นนักท่องเที่ยวสาวชาวสิงคโปร์รายหนึ่งถึงกับออกปากชื่นชมไทยทำดีกว่าบ้านตัวเองเสียอีก

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของคำชื่นชม ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการที่เคร่งครัดของรัฐบาล
ประกอบกับมาตรฐานด้านสาธารณสุขระดับโลกของเรา

ที่สำคัญ ... มันมาจากความร่วมมือของพวกเราทุกคนที่จะช่วยกันก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้
เรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดเจน ... ลองคนไทยตั้งใจทำอะไรแล้ว ก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก !!

#COVID-19
#โลกชื่นชมไทย
#โควิด-19

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก ๔

ได้พระอัครสาวก
พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ







***********
สพฺพทานํ  ธมฺมทานํ   ชินาติ 
สพฺพํ    รสํ    ธมฺมรโส   ชินาติ 
สพฺพํ  รตึ  ธมฺมรตี  ชินาติ ตณฺหกฺขโย  
 สพฺพทุกฺขํ  ชนาติ.
 " ธรรมทาน   ย่อมชนะทานทั้งปวง, 
รสแห่ง ธรรม  ย่อมชนะรสทั้งปวง, 
ความยินดีในธรรม ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง,  
ความสิ้นไปแห่งตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง."

**************

****************

พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก ๓

ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม 
อุรุเวลกัสสปะออกบวช พร้อมชฎิล ๑,๐๐๓ รูป
จากนั้น เสด็จโปรดพระเจ้าพิมพิสาร












***********
สพฺพทานํ  ธมฺมทานํ   ชินาติ 
สพฺพํ    รสํ    ธมฺมรโส   ชินาติ 
สพฺพํ  รตึ  ธมฺมรตี  ชินาติ ตณฺหกฺขโย  
 สพฺพทุกฺขํ  ชนาติ.
 " ธรรมทาน   ย่อมชนะทานทั้งปวง, 
รสแห่ง ธรรม  ย่อมชนะรสทั้งปวง, 
ความยินดีในธรรม ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง,  
ความสิ้นไปแห่งตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง."

*****************

พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก ๒

ยสกุลบุตร และภัททวัคคีย์ขอบวช










Cr,ซีรีส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก


สพฺพทานํ  ธมฺมทานํ   ชินาติ 
สพฺพํ    รสํ    ธมฺมรโส   ชินาติ 
สพฺพํ  รตึ  ธมฺมรตี  ชินาติ ตณฺหกฺขโย  
 สพฺพทุกฺขํ  ชนาติ.
 " ธรรมทาน   ย่อมชนะทานทั้งปวง, 
รสแห่ง ธรรม  ย่อมชนะรสทั้งปวง, 
ความยินดีในธรรม ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง,  
ความสิ้นไปแห่งตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง."

*****************

พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก ๑

ตรัสรู้...ปฐมเทศนา












*********
สพฺพทานํ  ธมฺมทานํ   ชินาติ 
สพฺพํ    รสํ    ธมฺมรโส   ชินาติ 
สพฺพํ  รตึ  ธมฺมรตี  ชินาติ ตณฺหกฺขโย  
 สพฺพทุกฺขํ  ชนาติ.
 " ธรรมทาน   ย่อมชนะทานทั้งปวง, 
รสแห่ง ธรรม  ย่อมชนะรสทั้งปวง, 
ความยินดีในธรรม ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง,  
ความสิ้นไปแห่งตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง."

************


วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2563

#อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ

.....อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ....
...กับนกตัวน้อยๆ ที่แวะมาทักทาย...


19 เมษายน 63 
"หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา"






"รักใต้ร่มไทร"



"เสน่หา"



๑๔ เมษายน ๖๓ "วันครอบครัว"



















วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2563

Nature is Speaking


Cr.https://youtu.be/LyzOq40rpwQ

จุดหมายปลายทาง...


การปฏิบัติถึงจะยากก็จริง อย่างน้อยให้เรามีความภาคภูมิใจว่าเราได้เจอพุทธศาสนาแล้ว

การเกิดเป็นมนุษย์ การที่เราได้มีบุญ พบพระพุทธศาสนาในประเทศอันสมควร มีโอกาสศึกษา โอกาสปฎิบัติ อย่างน้อยเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อในการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร

เราอยู่บนเส้นทางแล้ว ถ้าบางช่วงทางมันราบเราก็วิ่งไป ช่วงที่มันขรุขระเราก็เดินไป ไม่ไหวเราก็คลานไป แต่ตราบใดที่เราไม่ออกจากเส้นทางในที่สุดเราก็ต้องถึงจุดหมายปลายทางแน่นอน

พระอาจารย์ชยสาโร

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563

โควิด19



Cr.Fwd line

ฉันไม่มีความสุข
ฉันเสียใจเพราะโคโรน่าไวรัส
ฉันไม่สามารถไปโรงเรียนได้
ฉันไม่สามารถพบกับเพื่อนได้
ไม่สามารถไปร้านอาหารที่ ฉันชอบได้
ฉันไม่สามารถไปงาน ปาร์ตี้ได้
ฉันไม่สามารถไป
ดีสนีย์แลนด์ได้
แต่ฉันก็รู้ว่า ทุกสิ่งที่ฉันทำ และต้องเสียสละไปนี้ มันจะมีผลดีในที่สุด
ฉันต้องอยู่บ้านมา 2 เดือนแล้ว
ฉันใส่หน้ากาก
ล้างมือ
ฉันไม่ไปในที่ที่มีคนมากมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจาย
เพราะฉันรู้ว่าถ้าฉันไม่ทำดังกล่าวมาข้างต้นนี้
ฉันก็อาจติดเชื้อได้และก็จะติดไปถึงพ่อแม่และน้องชายของฉัน
และ ถ้าพวกเขา
ป่วย เขาอาจตายได้ และฉันก็จะไม่ได้เห็นพวกเขาอีกต่อไป
ฉันก็จะเสียใจไปมากกว่านี้อีก
โคโรน่าไวรัส คือเรื่องของความฉุกเฉินทางด้านสุขภาพของโลกใบนี้
คนทุกคนบนโลกใบนี้ ต้องช่วยกันรับผิดชอบที่จะให้หยุดยั้งการแพร่เชื้อให้ได้
มันไม่ควรจะเป็นปัญหาด้านการเมืองที่จะนำมาใช้ เพื่อต่อสู้กันระหว่างชาติต่างๆ
ฉันอายุแค่ 7 ขวบ ฉันยังเข้าใจมันเลย แต่ทำไมพวกผู้ใหญ่บางคนยังไม่เข้าใจอีก
ฉันขอฝากข้อความถึงนักการเมืองทั้งหลาย ว่าหยุดกล่าวโทษซึ่งกันและกัน และหยุดคิดถึงผลประโยชน์ทางการเมืองของตนกันเสียที
ไวรัสมันจะไม่หายไป จากการเอาชนะและถกเถียงกันทางการเมือง
เราควรจะรวบรวมพลัง เหตุผล และความกล้าทั้งหมด ที่มีของพวกเราเข้าด้วยกันเพื่อต่อสู้กับโรคติดต่อธรรมดาอย่างโคโรน่าไวรัสกันดีกว่า
ฉันเป็นเด็กยังคิดได้ ทำไมพวกท่านถึงคิดไม่ได้

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563

ทำไมญี่ปุ่นยังปกติ..!?



Cr. Fwd.line

ทำไมญี่ปุ่นถึงเป็นปกติ
*เมื่อโลกทั้งใบถูกปิด*

นี่เป็นประสบการณ์ที่เขียนโดย
นักเรียนชาวอินเดียในญี่ปุ่น

ฉันคิดอย่างต่อเนื่อง เมื่อญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่ได้รับผลกระทบจากโคโรนาไวรัสจากประเทศจีน เนื่องจากเรือ Diamond Princess มาเยือนในเดือนมกราคม โดยตอนนี้เหตุการณ์ของเรือลำนี้ไปถึงระดับที่ 4 เหมือนกับประเทศในยุโรปแล้ว

เมื่อญี่ปุ่นเริ่มถูกโจมตีด้วยไวรัส พ่อแม่ของฉันขอให้ฉันกลับไปที่อินเดียสักสองสามเดือน แล้วค่อยย้อนกลับไปเมื่อมันสงบลง

แต่ในญี่ปุ่น การใช้ชีวิตทุกอย่างยังเป็นปกติจนถึงทุกวันนี้

ฉันสามารถไปสำนักงานได้ทุกวัน ฉันยังไปใช้งานบริการที่จำเป็นได้ทั้งหมด

ไม่มีร้านอาหารปิด
ไม่มีห้างสรรพสินค้าปิด
รถไฟใต้ดินเคลื่อนที่ตามปกติ
รถไฟหัวกระสุนเคลื่อนที่ได้ตามปกติ
พรมแดนระหว่างประเทศทั้งหมดเปิด

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีคนชราจำนวนมากเช่นเดียวกับอิตาลี

โตเกียวมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากที่สุด โตเกียวเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ดีที่สุด ที่มีชาวต่างชาติจำนวนมาก และชาวต่างชาติก็ยังคงได้รับอนุญาตให้ท่องเที่ยวได้เหมือนปกติ

สิ่งที่หยุดให้บริการมีเพียง โรงเรียน และกิจกรรมสาธารณะ เท่านั้น

ฉันกำลังเล่าทฤษฎีทั้งหมดที่น่าจะทำลายการ Lockdown หรือ ฆ่ากระบวนการลูกโซ่สำหรับประเทศที่หนาแน่นอย่างเช่นอินเดีย

โตเกียวเป็นเมืองที่หนาแน่นที่สุดในโลก เขาควบคุมได้อย่างไร

ทุกคนยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเช่นเคย

ส่วนฉันกลัวเฉพาะเมื่อฉันเห็นการอัปเดทข่าวจากอินเดีย

ฉันวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องนี้ และสรุปได้ว่าอาจเป็นเพราะวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น ที่มีการแนะนำกฎเกณฑ์เพื่อป้องกันไวรัสโคโรนาตั้งแต่เด็ก ดังนี้

 1. คนญี่ปุ่นสวมหน้ากากเมื่อพวกเขาเดินทางหรือออกจากบ้าน โดยปกติเราเห็นคนญี่ปุ่น 60% สวมหน้ากากทุกวัน
ในวันปกติ  แม้พวกเขาจะเป็นหวัดน้อยมาก พวกเขาก็สวมหน้ากาก นี่คือวัฒนธรรมของพวกเขา ซึ่งช่วยหยุดการแพร่กระจายและตัดห่วงโซ่ได้

โดยทั่วไปแล้ว บุคคลที่ต้องทำงานกับประชาชนเสมอ เช่น พนักงานต้อนรับ,
เจ้าหน้าที่รัฐบาล, แพทย์, พยาบาล,
นายสถานี, พนักงานรถไฟ, ตำรวจ,
ภารโรง และอื่น ๆ มักสวมหน้ากากทุกวันในขณะทำงาน

ในช่วงฤดูหนาวเขาให้เด็กสวมหน้ากากทุกวันเมื่อพวกเขาเป็นหวัดเพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่น
ที่บ้าน เขามักมีกล่องหน้ากาก kodomo และกล่องหน้ากากปกติไว้เป็นประจำ
หน้ากาก Kodomo เป็นหน้ากากที่เหมาะสำหรับเด็ก

 2. คนญี่ปุ่นใช้ชีวิตที่พวกเขาไม่รบกวนคนอื่น  พวกเขาไม่ทิ้งขยะอะไรเลย
 พวกเขาใช้ถังขยะเท่านั้นที่จะทิ้งขยะหรือถ่มน้ำลาย

ความสะอาดเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น พวกเขาได้รับการสอนวิธีทำความสะอาดและเข้าใจถึงพฤติกรรมสาธารณะก่อนเรียนตัวอักษรในโรงเรียน

 3. พวกเขาไม่จับมือ แต่โค้งคำนับเพื่อทักทาย

 4. ที่ญี่ปุ่น การล้างมือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม เขามีสบู่และน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องน้ำสาธารณะ ทางเข้าสำนักงานและมักจะอยู่ในพื้นที่สาธารณะทุกแห่ง
การใช้ sanitizers นั้นค่อนข้างเป็นเรื่องปกติธรรมดา ซึ่งทำให้ป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส  ฉันเองไม่เคยใช้ sanitizers แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้ ฉันใช้ sanitizers ก่อนเข้าอาคารเสมอ

 5. ในห้องน้ำ ฉันสังเกตเห็นว่าผู้คนล้างมือและเช็ดอ่างล้างมือให้สะอาดด้วย เพื่อให้คนต่อไปใช้งานได้อย่างสะดวก
นี่เป็นวิธีปฏิบัติตามปกติ แม้ในสถานีรถไฟใต้ดิน

 6. พวกเขาพกพากระดาษทิชชู่เปียก
เพื่อทำความสะอาดมือเป็นครั้งคราวเมื่อออกไปข้างนอก

 7. พวกเขามักจะรักษาระยะห่างทางสังคมเสมอ

กฎเหล่านี้
เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่พวกเขาฝึกฝนอยู่แล้วอย่างสมบูรณ์แบบ

และนี่คือสิ่งที่น่าเรียนรู้จากประเทศญี่ปุ่น
**********

....."ญี่ปุ่นเจ้าแห่งหน้ากากอนามัย" ...(คลิก)
https://japantourlist.com/th/japan-mask_1041j



ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจาก Fwd.line และ  https://japantourlist.com/th/japan-mask_1041j

********





Cr.#Masks4All

***********

สมาธิ คืออะไร


สมาธิ (บาลี;สันสกฤตसमाधि) คือการฝึกฝนทางจิตหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป้าหมายคือ ก่อให้เกิดการตระหนักรู้ตนเอง และจิตสำนึกต่อการทำงาน
การทำสมาธิโดยทั่วไปมักเป็นการฝึกหัดส่วนบุคคล ยกเว้นในบางกรณีเช่น การสวดมนต์ ผู้ฝึกสมาธิส่วนใหญ่ มักจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาจเป็นลมหายใจ การเพ่งวัตถุต่าง ๆ หรือแม้แต่การจดจ่อกับกิจกรรมที่กระทำ การทำสมาธิ มักเกี่ยวกับการปลูกฝังความรู้สึกหรือความเชื่อมั่นภายใน อาจจะเป็นการตั้งเป้าหมาย หรือ อาจจะหมายถึงการเชื่อมโยงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจงก็ได้
การมีจิตใจที่เข้มแข็ง รู้จักไตร่ตรองความคิดให้ถูกต้อง
รูปแบบการฝึกสมาธินั้นมากมายและมีความหลากหลาย คนทั่วไปอาจจะเข้าใจคำว่า "สมาธิ" ในบริบทที่แตกต่างกัน การทำสมาธินั้นมีมาตั้งแต่โบราณและ การฝึกฝนสืบทอดต่อกันมา จนกลายเป็นองค์ประกอบของประเพณีทางศาสนา ในประเพณีจิตวิญญาณตะวันออก เช่น ศาสนาฮินดู และ พุทธศาสนา แม้ในประเทศแถบตะวันตกบางแห่งก็เช่นกัน
ในปี 2007 การศึกษาของรัฐบาลสหรัฐพบว่าเกือบ 9.4% ของผู้ใหญ่ (มากกว่า 20 ล้านคน) มีการฝึกสมาธิภายใน 12 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจาก 7.6% (มากกว่า 15 ล้านคน) ในปี 2002
ตั้งแต่ปี 1960, การทำสมาธิได้รับการเพิ่มจุดเน้นของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
การทำสมาธิมีปรากฏในหลายศาสนา ซึ่งรวมถึง พุทธศาสนา ฮินดู และเต๋า และยังคงรวมถึงสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา เช่น โยคะ....
******
Cr.https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4