วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560

กำลังใจ


อนาถบิณฑิกเศรษฐี มีนามเดิมว่า สุทัตตะ ชาวเมืองสาวัตถี
เป็นเศรษฐีใจบุญ สร้างโรงทานสำหรับบริจากทานแก่คนยากจนทุกวัน จนได้ชื่อว่า "อนาถบิณฑิกะ" แปลว่า ผู้มีก้อนข้าวสำหรับคนอนาถา บิดาชื่อ สมุนเศรษฐี มารดาไม่ปรากฏชื่อ มีภริยาชื่อ นางบุญญลักขณามีบุตร ๑ คน ชื่อ กาละ มีธิดา ๓ คน คือ มหาสุภัททา จูฬสุภัททา และสุมนามีชีวิตในสมัยเดียวกับพระพุทธเจ้า

อนาถบิณฑิกเศรษฐีเกิดในตระกูลของสุมนะเศรษฐีผู้เป็นบิดา
ท่านเป็นเศรษฐีที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนตกยาก
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ไปค้าขายและได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าที่เมืองราชคฤห์จนบรรลุเป็นพระโสดาบัน ท่านจึงมีศรัทธาสร้างวัดเชตวันมหาวิหารถวายแก่พระพุทธเจ้า ด้วยเงินจำนวนมากท่านได้เป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์อย่างดีมากเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระพุทธเจ้าเสด็จประทับจำพรรษาที่วัดพระเชตวันที่ท่านสร้างมากกว่าที่ประทับใด ๆ ถึง ๑๙ พรรษา

เรื่องราวของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
มีปรากฏมากมายในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา
เป็นเรื่องราวที่แสดงถึงความศรัทธา
ความมีสติปัญญา และความเอาใจใส่
ในการบำรุงพระพุทธศาสนา
ทำให้ท่านได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็น
อุบาสกผู้เลิศในการเป็นผู้ถวายทาน

ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี อุบาสกผู้เลิศในการเป็นผู้ถวายทาน
ท่านมีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก
ถึงกับเอาทองไปปูเต็มพื้นดิน
เพื่อแลกกับพื้นที่ที่จะใช้สร้างเป็นวัดเชตวัน
ท่านใช้งบประมาณในการก่อสร้างถึง ๕๔ โกฏิ
เมื่อสร้างวัดแล้ว ท่านหมั่นไปวัดถวายสังฆทาน
ฟังธรรมมิได้ขาด โดยไม่เคยไปวัดมือเปล่าเลย
ทานทั้งหลายที่ท่านบริจาคนั้นมากมายเกินที่จะคณานับ

ด้วยความที่ท่านเศรษฐีทำบุญมาก
และทุ่มเทให้กับงานพระศาสนามาก
เทวดาที่สิงสถิตอยู่ซุ้มประตูบ้าน
กลัวว่าทรัพย์สมบัติของท่านเศรษฐีจะหมด
จึงคอยหาโอกาสบอกให้ท่านเลิกไปวัด
เลิกถวายทานแด่พระพุทธเจ้า

เนื่องจากชีวิตของท่านเศรษฐีในขณะนั้น
สมบัติขาดมือ การค้าขายก็ไม่ค่อยดี
เงินทองที่เพื่อนยืมไปก็ไม่ได้คืน
ทรัพย์ที่ฝังไว้ริมตลิ่งก็ยังถูกน้ำพัดหายไปอีก
ท่านเศรษฐีจึงยากจนลง

แต่ท่านก็ยังสู้อุตส่าห์ถวายทานไม่ให้ขาดเลย
แม้จะมีเพียงน้ำผักดองกับข้าวปลายเกรียน
ท่านก็ยังคงทำทานอย่างต่อเนื่อง

ครั้นเทวดาได้โอกาสจึงเข้าไปในบ้านแล้วปรากฏกายสว่างไสว
อยู่ต่อหน้าท่านเศรษฐี และพูดเตือนว่า “ท่านเศรษฐี
ท่านอย่าได้ทำทานต่อไปเลย ตั้งแต่เข้าวัดมา
ก็มีแต่ยากจนลง ท่านควรรีบหันกลับมาทำธุรกิจของท่าน
เพื่อจะได้ทรัพย์สมบัติกลับคืนมาบ้าง จงเลิกทำบุญเสียเถอะ”

เศรษฐีได้ฟังดังนั้น แทนที่จะเชื่อฟังคำของเทวดา กลับบอกเทวดาว่า
“ท่านเป็นถึงเทวดา ทำไมมาบอกให้เราเลิกทำบุญ
ท่านจงออกไปจากบ้านของเราเสียเถิด เราจะไม่ยอมเลิกทำบุญเด็ดขาด”
เมื่อเทวดาถูกเศรษฐีขับไล่เช่นนั้น ก็ไม่มีวิมานอยู่ เพราะตนเองมีบุญน้อย
เกิดสำนึกผิด จึงไปขอร้องให้เทวดาชั้นต่างๆ
มาช่วยพูดให้เศรษฐียกโทษให้ แต่ก็ไม่มีเทวดาใดๆ มาช่วยได้

พระอินทร์จึงแนะวิธีว่า ถ้าอยากให้เศรษฐียกโทษให้
ต้องไปทวงหนี้คืนให้ท่านเศรษฐี แล้วไปเอาทรัพย์ที่ถูกน้ำพัดพาไป
กลับคืนมา นอกจากนั้นยังมีสมบัติที่อยู่ใต้ทะเลอีกมาก
ให้ไปขนมาให้เศรษฐีเพื่อจะได้ทำบุญต่อ แล้วเศรษฐีจะยกโทษให้เทวดาตนนั้นจึงทำตามที่พระอินทร์แนะนำทุกอย่าง แล้วกลับมาบอกท่านเศรษฐีพร้อมทั้งขอให้ท่านยกโทษให้ตน
ที่พูดไปอย่างนั้นก็ด้วยความเป็นห่วงท่านเศรษฐี

เมื่อท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐียกโทษให้ เทวดาจึงมีวิมานอยู่ตามเดิมพระพุทธองค์ทรงตรัสชมเชยท่านเศรษฐีว่า ทำถูกต้องแล้ว
สมกับเป็นอุบาสกผู้เลิศในการเป็นผู้ถวายทาน ยอดนักสร้างบารมีจริงๆแม้จะทำทานด้วยน้ำผักดองกับข้าวปลายเกรียนก็ได้บุญมากเพราะเมื่อจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ทักษิณาทานนั้นชื่อว่ามีผลมากแม้ท่านเศรษฐีจะยากจนลง แต่ท่านก็ไม่เคยหวั่นไหวและไม่เคยว่างเว้นจากการสร้างบารมี
เช่นนี้ได้ชื่อว่าทำตามอริยประเพณีอย่างแท้จริง

แม้พระพุทธองค์เองครั้งทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์
ถึงจะยากจนข้นแค้นเพียงไร พระองค์ก็ไม่เคยเลิกล้มการทำความดี
แม้จะมีหญ้าคาเพียงมัดเดียว เมื่อถูกขอก็ไม่ได้ปฏิเสธ
และแม้จะถูกพญามารขัดขวางไม่ให้ทำทาน
พร้อมทั้งขู่ว่าถ้าขืนให้ทานอยู่อย่างนี้
จะต้องตกหลุมถ่านเพลิงลึกถึง ๘๐ ศอก พระองค์ก็ไม่เคยหวั่นไหว เพราะความเป็นผู้มีใจเด็ดเดี่ยวในการสร้างบารมีนี้เอง
จึงทำให้พระองค์ได้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าในที่สุด

นักสร้างบารมีที่แท้จริงจะต้องไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ ที่เกิดขึ้น ใจจะมุ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว เพราะเป้าหมายของเราคือ  การนำตนและสรรพสัตว์เข้าข้ามฝั่งสังสารวัฏ ซึ่งจะต้องอาศัยบุญใหญ่และกำลังใจที่ยิ่งใหญ่  ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเรามั่นคงในปณิธานเป้าหมายอันสูงส่ง ความท้อแท้จะไม่บังเกิดขึ้นในใจของเราอย่างแน่นอนเมื่อใดที่เราท้อแท้หรือสิ้นหวัง ให้นึกถึงบุญที่เคยทำมาจะทำให้มีกำลังใจ

ไม่ว่าชีวิตจะอยู่ทางโลก หรือทางธรรม ชีวิตก็อยู่ด้วยการต่อสู้ทั้งนั้นแต่เป้าหมายอาจจะต่างกัน แต่ที่แน่แน่ อยู่ด้วยการต่อสู้กับใจตนเอง
ชนะใจตนเองได้ ชนะได้ทั้งหมด
@@@@
Cr. facebook  https://www.facebook.com/profile.php?id=100010793084544

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น