วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

Nothing


 “I asked the leaf whether it was afraid to fall, since it was autumn and the other leaves were falling. The leaf told me, "No. During the whole spring and summer I was very alive. I worked hard and helped nourish the tree, and much of me is in the tree. Please do not think that I am just this form, because this leaf form is only a tiny part of me. I am the whole tree. I know that I am already inside the tree, and when I go back to the soil, I will continue to nourish the tree. That is why I do not worry. As I drop from the branch and float down to the ground, I will wave to the tree and tell her, ‘I will see you again very soon.’" 


Suddenly I had a kind of insight very much like the insight contained in the Heart Sutra. You have to see life. You shouldn’t say, life of the leaf, but life in the leaf, and life in the tree. My life is just Life, and you can see it in me and in the tree. I saw the leaf leave the branch and float down to the soil, dancing joyfully, because as it floated it saw itself already there in the tree. It was so happy. I bowed my head, and I knew that we have a lot to learn from the leaf because it was not afraid; it knew that nothing can be born and nothing can die.”


Thich Nhat Hanh in “The Other Shore” (Parallax 2017)

.......

Cr. https://www.facebook.com/photo.php?fbid=447435433418024&set=a.383368449824723&type=3

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ยายหงวนหลงป่า

 Cr. https://youtu.be/5wSWHVeclRc



Cr.https://youtu.be/5wSWHVeclRc

จิตมนุษย์..ยากแท้หยั่งถึง

 


น้ำมหาสมุทรถึงจะลึกขนาดไหน เขาก็มีเครื่องวัดลงไปว่ามันลึกขนาดไหน เขายังวัดได้ แต่ใจของมนุษย์มันวัดกันไม่ได้ ไม่รู้จะลึกขนาดไหน มันลึกกว่าน้ำมหาสมุทรทะเล มันไม่ใช่เหมือนสัตว์เดรัจฉาน ถ้ามันแพ้แล้ว มันยอมแพ้ตลอดเลยนะ แต่มนุษย์นี้ไม่ใช่นะ ถึงจะยอมแพ้ก็เถอะ ต่อหน้าแล้ว ครับผม ค่ะ แต่ลับหลังขึ้นมา เผลอเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพราะว่ามนุษย์นี้ไม่ใช่ธรรมดา ใจของมนุษย์หยั่งไม่ถึง

     พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้สมัยหนึ่ง ท่านได้ไปที่กรุงราชคฤห์ นายเปสสะ เป็นนายหัตถาจารย์ เป็นผู้ฝึกหัดช้าง เห็นพระสงฆ์ทั้งหลายมานั่งกับพระพุทธเจ้าตั้ง 400-500 รูป นายเปสสะเห็น โอ้... พระพุทธเจ้าสอนพระสงฆ์ สอนอย่างไรหนอทำไมอยู่ในความสงบ อยู่ในความเรียบร้อยขนาดนี้ พระพุทธองค์บอกว่า เราสอนด้วยศีลและวินัย คือ กฎระเบียบ พระสงฆ์จึงอยู่ในความเรียบร้อย

     เมื่อนายเปสสะถามเรา  เราก็จะถามนายเปสสะ ท่านฝึกหัดช้างฝึกหัดอย่างไร ช้างเป็นสัตว์เดรัจฉานไม่รู้ภาษาอีกต่างหาก
นายเปสสะ บอกว่า การฝึกหัดช้าง ถึงจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่เราก็รู้มันได้ 
เพราะอากัปกิริยาของมัน มันตื้น มันไม่เหมือนมนุษย์ มนุษย์นี้ลึกนะ เพราะข้าพระองค์นี่ บอกลูกน้องทำอย่างนั้น อย่างนั้น เขาก็บอกครับผม พอเสร็จแล้วมันทำไปอีกอย่าง มันตรงกันข้ามกับที่เราได้พูดได้กล่าวกัน


     
เพราะฉะนั้นใจของมนุษย์มันหยั่งไม่ถึงจริง ๆ พระพุทธเจ้าเลยบอกว่า ใช่ ถูกต้องเปสสะ ใจของมนุษย์มันลึกว่าน้ำมหาสมุทรทะเล สิ่งเหล่านี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ 2,000 กว่าปี ให้พวกเราคิดดูสิว่า จริงไหม จิตใจของมนุษย์หยั่งไม่ถึงจริงๆ เพราะฉะนั้น ศีลธรรม จริยธรรม ที่นำมาประพฤติปฏิบัติจะเป็นเครื่องยับยั้งทางด้านจิตใจของมวลมนุษยชาติ ขอให้มวลมนุษย์ทุกคน ให้ประกอบคุณงามความดี สั่งสมคุณงามความดีเข้าสู่จิตใจ จะมีแต่ความเจริญ จะมีแต่ความร่มเย็นผาสุก

                                         หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสฺโก (เจ้าอาวาส วัดป่านาคำน้อย จ.อุดรธานี)
                                           
                                           พระธรรมเทศนา "นับหนึ่งใหม่ที่ใจของเรา" วันพุธที่ 1 มกราคม 2563
********
Cr. https://web.ybatnet.org/th/blog/detail.php?id=158&page=

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

คุณค่าการมีชีวิต

ในหมู่สัตว์ในวัฏฏะนับประมาณไม่ได้

โควต้ามาเกิดเป็นมนุษย์ยิ่งน้อยมาก ๆๆๆ

โดยเฉพาะได้เกิดในวาระที่พบพระพุทธศาสนา

โอ้โห ! เกินกว่าที่จะจินตนาการได้เลย


เพราะฉะนั้น

เมื่อเราได้รับวาระ ได้รับโอกาสตรงนี้

ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าตรงนี้อีกแล้ว


เราไม่รู้หรอกว่า..เราจะมีชีวิตอีก

กี่วัน ? กี่เดือน ? กี่ปี ?

แต่ชีวิตเราต้องตายอย่างแน่นอน !


เมื่อตายลง แล้วเมื่อไร

เราจะได้มีโอกาสเช่นนี้อีก ?

มันเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้เลยว่า

เราต้องคอยนานขนาดไหน ?

เราถึงจะได้มีโอกาสเช่นนี้อีก


ถ้าเราเกิดการตระหนักรู้ตรงนี้ได้

เราจะไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างประมาท

เราจะใช้ชีวิตทุกลมหายใจที่เรามี

เพื่อทำสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดตรงนี้

คือ การรู้แจ้งอริยสัจ 4 นั่นเอง


เพราะฉะนั้น

ให้ตระหนักรู้ ให้เห็นความสำคัญ

คุณค่าของการที่เรายังมีชีวิตอยู่

แล้วได้พบพระพุทธศาสนา ว่า

สิ่งใด คือ สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญสูงสุด ?

.


ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

13 กรกฎาคม 2564

........

Cr. https://www.facebook.com/707600716067818/posts/2004965239664686/

 

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

อายุที่ยืนยาว..เดิน..เดิน..เดิน..

 Cr. Fwd line

ความร่วงโรยจากการแก่ชรา จะเริ่มจากเท้าขึ้นมา...


..จงทำให้ขาทั้งสองของท่านแข็งแรงและคล่องแคล่วว่องไวอยู่เสมอ..


▪︎ในขณะที่เราร่วงโรยลงทุกวัน ขาทั้งสองของเราต้องแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เราไม่ควรกังวลไปกับเผ้าผมที่เปลี่ยนเป็นสีดอกเลา ผิวหนังและผิวหน้าที่เหี่ยวย่น


▪︎วารสารชื่อดังของสหรัฐชื่อ Prevention ได้สรุปไว้ว่า คนที่อายุยืนยาวนั้น การมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด..จงออกกำลังด้วยการเดินทุกวัน..


▪︎หากคุณไม่ขยับแข้งขยับขาสักสองอาทิตย์ ความแข็งแรงของขาของคุณขะลดลงไป 10 ปี...จงเดินเถิด..


▪︎มหาลัยโคเปนเฮเก้นที่เดนมาร์ก ได้ศึกษาพบว่า ไม่ว่าคนหนุ่มหรือคนแก่ หากไม่เคลื่อนไหวตัวเองเลยราวสองสัปดาห์ จะทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแอลงไปราวหนึ่งในสาม ซึ่งจะเทียบเท่ากับการชราภาพลงไปถึง 20-30 ปี..ดังนั้น จงออกแรงเดินเสมอ...


▪︎เมื่อกล้ามเนื้อขาเราอ่อนแอลง การฟื้นตัวจะใช้เวลานานมาก แม้ว่าเราจะพยายามฟื้นฟูร่างกายและออกกำลังกายในภายหลังก็ตาม.. จงตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป..


▪︎ด้วยเหตุนี้ การออกกำลังกายด้วยการเดินเสมอ จึงสำคัญมาก


▪︎ร่างกายทั้งร่างและน้ำหนักตัวของเรา ต่างมีขาทั้งสองประคองเอาไว้


▪︎ขาทั้งสองจึงทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่รับน้ำหนักทั้งหมดของตัวเรา...จงเดินต่อไป...


▪︎ที่น่าสนใจคือ 50%ของกระดูกและ 50%ของกล้ามเนื้อ ต่างอยู่ที่ขาทั้งสองของเรา..จงอย่าหยุดเดิน..


▪︎ส่วนของข้อต่อและกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรงที่สุด อยู่ที่ขาทั้งสอง..จงเดินวันละหมื่นก้าว...


▪︎กระดูกและกล้ามเนื้อขาที่แข๊งแรงและข้อต่อที่ยืดหยุ่นได้ดี เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ "สามเหลี่ยมดุจเหล็ก" ที่ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย


▪︎70%ของกิจกรรมทางร่างกายและการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ใช้ขาทั้งสองเป็นหลัก


▪︎ใครรู้บ้างว่า เมื่อเรายังมีอายุน้อย ต้นขาของเราไม่ว่าหญิงหรือชาย สามารถจะยกรถยนต์ขนาดเล็กที่หนักได้ถึง 800 กก.


▪︎ขาของเราคือ จุดศูนย์กลางของการเคลื่อนไหวของร่างกาย


▪︎ขาทั้งสองของเราประกอบไปด้วย 50%ของเส้นประสาท  50%ของเส้นโลหิต และ50%ของระบบโลหิตที่ไหลเวียนผ่านเท้าทั้งคู่...


▪︎เท้าทั้งสองจึงเป็นระบบไหลเวียนที่ใหญ่ที่สุดที่เชื่อมโยงทั้งร่างกายเข้าด้วยกัน..จงเดินต่อไป..


▪︎เมื่อเท้าทั้งสองแข็งแรง จะทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดีและกล้ามเนื้อขาเข้มแข็ง ซึ่งทั้งหมดจะทำให้หัวใจแข็งแรง..จงเดินต่อไป..


▪︎การชราภาพเริ่มจากเท้าขึ้นไปยังส่วนบนของร่างกาย


▪︎เมื่อเราแก่ตัวลง ความแม่นยำและความรวดเร็วในการส่งคำสั่งระหว่างสมองกับเท้าทั้งสอง จะลดลง..ไม่เหมือนตอนที่ยังมีอายุน้อย.. จงเดินต่อไป...


▪︎นอกจากนั้น ส่วนที่เรียกว่า Bone Fertilizer Calcium ที่สูญเสียไปตามกาลเวลาเมื่อเราแก่ตัวลง จะทำให้คนแก่กระดูกหัก (bone fractures)ได้ง่าย..จึงควรเดินต่อไป...


▪︎อาการกระดูกหักของคนแก่อาจนำไปสู่อาการที่ยุ่งยากซับซ้อนอีกหลายอย่างที่ร้ายแรง อาทิเช่นอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน (brain thrombosis)


▪︎รู้กันบ้างไหมว่า 15%ของคนแก่ที่มีอาการกระดูกต้นขาหัก จะเสียชีวิตไปในเวลาไม่เกินหนึ่งปี..จงเดินทุกวันอย่าได้ขาด...


▪︎การเดินออกกำลัง ไม่มีคำว่าสายไปแม้คุณจะอายุเกิน 60 ไปแล้ว


▪︎แม้กำลังขาของเราจะเสื่อมลงตามกาลเวลา แต่การเดินถือเป็นภารกิจตลอดชีวิตของเรา..จงเดินให้ได้ถึง 10,000 ก้าว..


▪︎หากเราเดินเพื่อทำให้เท้าแข็งแรง จะช่วยให้ขาของเราลดการอ่อนแอลง..จงเดินตลอด 365 วัน...


▪︎จงเดินอย่างน้อย 30-40 นาทีทุกวัน เพื่อให้เท้าทั้งสองได้ออกกำลัง และทำให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรงเสมอ

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระกีสาโคตรมีเถรี


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

❤❤❤

พระกีสาโคตรมีเถรี
เป็นเถรีองค์สำคัญองค์หนึ่ง
เดิมเป็นธิดาคนยากจนแต่ได้เป็นลูกสะไภ้เศรษฐี
นางมีบุตรคนหนึ่งอยู่มาไม่นานบุตรเสียชีวิต
นางมีความเสียใจมาก อุ้มบุตรชายไปในที่ต่างๆ
เพื่อหายาแก้ใหฟื้น จนได้พบพระพุทธเจ้า
พระองค์ทรงสอนด้วยอุบายและประทานโอวาท
นางได้ฟังแล้วบรรลุโสดาปัตติผล 
บวชในสำนักภิกษุณี
วันหนึ่งนั่งพิจารณาเปลวประทีปอยู่ในพระอุโบสถ
ได้บรรลุพระอรหันต์
ได้รับยกย่องเป็นเอทัคคะ
ในทางทรงจีวรเศร้าหมอง
❤❤❤


Cr.ซี่รี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก


"คืนลูกให้ข้าเถิดพระผู้เป็นเจ้า" นางกีสาโคตรมี

❤❤❤






 

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ตถตา

 


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

ตถตา
ความเป็นอย่างนั้น
ความเป็นเช่นนั้น
ภาวะที่สิ่งทั้งหลายทั้งปวง
เป็นของมันอย่างนั้นเอง
คือเป็นไปตามเหตุปัจจัย
(มิใช่เป็นไปตามความอ้อนวอนปรารถนา
หรือการดลบันดาลของใครๆ)
เป็นชื่อหนึ่งที่ใช้เรียก
ปฏิจจสมุปบาท
หรือ
อิทัปปัจจยตา
(พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตฺโต)
❤❤❤


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

"จักรวาลโลก เวลา จิตใจ
ทุกอย่างรวมอยู่ในนี้ "

❤❤❤




วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖....สู่การตรัสรู้


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

❤❤❤
 ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖
ในราตรี ทรงพระสุบินนิมิต
เช้า นางสุชาดา ถวายข้าวมธุปายาส
สาย ทรงอธิษฐานลอยชามทองคำ
เย็น ตั้งสัตยาธิษฐาน
ค่ำ พญามารเข้าขัดขวาง
ทรงตั้งพระสติหยั่งลงสู่สมาธิ ปฐมยาม มัชฌิมยาม ปัจฉิมยาม
รุ่งอรุณ ตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๖
"ตรัสรู้"
❤❤❤


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

"ถ้าหากข้าใกล้ความจริง ชามทองคำไปนี้
จะลอยทวนกระแสของน้ำไป
ไม่งั้นก็จมลง" เจ้าชายสิทธัตถะ"
❤❤❤

พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก (คลิก)

❤❤❤



 

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

เลาะริมชล

 


วัดขุนทิพย์


วัดกะสังข์


วัดตำหนักพระเจ้าทรงธรรม












วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

นิพพานเป็นอย่างไร


 ครั้งหนึ่ง ก็มีพราหมณ์ได้ทูลถามว่า 

นิพพานเป็นอย่างไร ?

มีที่อยู่ที่ตั้งไหม ?  


พระพุทธเจ้าอุปมาให้ฟังว่า 

เปรียบเหมือนมีไฟอยู่ จุดไฟขึ้นมา 

แล้วไฟมันดับพรึ่บ !  


เข้าใจไหม ? 

โลกธาตุทั้งหมด ก็คือจิตนั่นแหละ 

ก้อนอวิชชาทั้งก้อน 

ทุกอย่างเกิดที่ใจ แล้วก็จบที่ใจ 


ถ้าจะดับที่เรียกว่า ดับด้วยนิพพาน 

มันก็คือการดับสิ่งนี้แหละ ก้อนอวิชชา 

สลายวิญญาณขันธ์ทั้งหมดเลย


เมื่อสิ่งนี้ถูกสลายตัวออกไป

มันเหมือนไฟที่ดับ 

จะเข้าถึงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ

โดยธรรมชาติเลย  


เพราะฉะนั้น เราจะนิพพาน

เอาอะไรไปได้บ้างไหม ? 

ขนบ้านเข้าไปได้ไหม ?

เอาทรัพย์สมบัติได้ไหม ?


แม้กระทั่งบุญบาป

ยังเอาไปไม่ได้เลย  

สิ่งนี้เหนือบุญ เหนือบาป

พ้นดี พ้นชั่ว


สิ่งนี้ คือ ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ 

ซึ่งมีอยู่แล้วตลอดกาล  

ไม่ต้องไปสร้างสิ่งอะไรเพิ่ม 

แต่จะเข้าถึงได้ ต้องสละออก 


การสละออก

ก็ไม่ได้ไปขายบ้านขายรถ  

ไปนั่งเหมือนฤาษีชีเปลือยอยู่  

อย่างนี้จะสละออกไหม ? 


แต่จิตยังยึดอยู่เป็นยังไง ?

มันสละที่ใจ ก็คือ..

ต้องสามารถสลายอัตตาตัวตน 

สิ่งนี้จะทำได้  ต้องอบรมสติปัฏฐาน 4 

จนเกิดจิตตั้งมั่นก่อน

ต้องรวมมาเป็นตัวรู้ก่อน 


จากจิตที่ส่งออก

มันจะไปสลายได้อย่างไร ? 


พอจิตตั้งมั่น แล้วเปลื้องออกได้  

เห็นการแตกดับของวิญญาณขันธ์ได้ 

จึงจะสามารถเพิกออก สลัดคืนได้ 


แล้วจึงจะเข้าถึงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ

ภาษาพระท่านเรียกว่า "วิมุตติญาณทัศนะ"


การรับรู้ในระดับโลกุตตระ

ไม่ต้องใช้วิญญานขันธ์ รู้สักแต่ว่ารู้

การรับรู้ตรงนี้จะไม่มีการยึดติด

กับสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น  


สภาวะประดุจหยดน้ำบนใบบัว  

ผู้ที่ดับรอบเท่านั้น

ถึงจะอยู่กับสภาวะนี้ได้โดยสมบูรณ์ 

.


ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

12 สิงหาคม 2563

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ตถาคต


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก
❤❤❤
ตถาคต พระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า
เป็นคำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกหรือตรัสถึงพระองค์เอง
แปลได้ความหมาย ๘ อย่าง คือ
๑.พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น
๒.พระผู้เสด็จไปแล้วอย่างนั้น
๓.พระผู้เสด็จมาถึงตถลักษณะ
๔.พระผู้ตรัสรู้ตถลักษณะตามที่มันเป็น
๕.พระผู้ทรงเห็นอย่างนั้น
๖.พระผู้ตรัสอย่างนั้น
๗.พระผู้ทำอย่างนั้น
๘.พระผู้เป็นเจ้า(อภิภู)
(จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
❤❤❤


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

พระอนุรุทธ
"นับจากนี้ข้าและภิกษุทั้งหลาย
จะเรียกท่านว่า ตถาคต
การเรียกท่านแบบนั้น
เพื่อระลึกว่ามีธาตุของตถาคต
อยู่ในตัวเรา"
❤❤❤


❤❤❤




 

นักบวชสะท้อนภาพสังคม #2

 

นักบวชสะท้อนภาพสังคม #1

 

วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

บูชายัญ


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

บูชายัญ 
พิธีเซ่นสรวงเทพเจ้าของพราหมณ์
ด้วยวิธีฆ่าคนหรือสัตว์ เป็นเครื่องบูชา

❤❤❤


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก


❤❤❤


❤❤❤




 

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระอานนท์

 


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก


Cr.ซีรี่ส์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

❤❤❤
พระอานนท์ พระมหาสาวกองค์หนึ่ง
เป็นเจ้าชายในศากยวงศ์เป็นโอรสของพระเจ้าอาของเจ้าชายสิทธัตถะ
เจ้าชายอานนท์พร้อมกับเจ้าชายองค์อื่น
และกัลบกที่ชื่ออุบาลี
ได้เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้าและทรงบวชให้
พระอานนท์เป็นผู้ที่ช่วยทูลขอให้พระนางมหาปชาบดี
ได้ได้บวชเป็นภิกษุณี
พระอานนท์ได้รับเลือกให้เป็นพระอุปัฏฐาก
ประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า
ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะหลายด้านคือ
เป็นพหูสูต เป็นผู้มีสติ มีคติ มีธิติ
และเป็นอุปัฏฐากที่ยอดเยี่ยม

❤❤❤


พระอานนท์
"พุทธะ อยู่เหนือกาลเวลา และมองเห็นภายหน้า
ทุกคำพูดของเขากลายเป็นความจริง"

❤❤❤