วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

พุทธศาสนาในแอฟริกา


เผยโฉม ‘พระพุทธรักขิตะ’ พระสงฆ์ผิวสี ผู้บุกเบิกพุทธศาสนาในแอฟริกา

เปิดภาพ พระพุทธรักขิตะ พระสงฆ์ผิวดำ ผู้บุกเบิกหว่านเมล็ดพันธุ์พระพุทธศาสนาในทวีปแอฟริกา


วันนี้ (20 ม.ค. 60) ในโลกออนไลน์ได้มีการส่งต่อเรื่องราวสุดประทับใจของภิกษุผิวสีรายหนึ่ง ที่ได้บุกเบิกนำพระพุทธศาสนาไปเผยแพร่ยังทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะประเทศอูกานดา ซึ่งเป็นแผ่นดินบ้านเกิด ทราบชื่อต่อมาคือ พระพุทธรักขิตะ หรือ สตีเว่น คาบอคโกซา (Steven Kaboggoza) ชาวอูกานดา ประเทศหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา




โดยพระพุทธรักขิตะ เผยว่า แรกเริ่มท่านรู้จักพุทธศาสนาเพียงผิวเผินตามหนังสือเรียน แต่พอรู้จักพระสงฆ์ไทยจากการเป็นเพื่อนร่วมชั้นระหว่างเรียนการบริหารที่อินเดีย ก็ทำให้ท่านสนใจในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังเรียนจบก็ได้ออกเดินทางไปยังพื้นที่กำเนิดพุทธศาสนาต่างๆ ทั้ง ทิเบต และเนปาล ก่อนที่จะจบลงที่ประเทศไทย ซึ่งการมาที่ไทยนอกจากมาศึกษาพระพุทธศาสนาแล้ว ก็มาประกอบอาชีพหาเงินด้วยการเป็นครูดำน้ำที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานีด้วย ก่อนที่จะกลับไปบ้านเกิดอีกครั้งหลังจากห่างบ้านไปท่องโลกนาน 7 ปี

และจากตรงนี้นี่เองที่ทำให้ท่านคิดที่จะอุทิศตนเพื่อพุทธศาสนาด้วยการบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เนื่องจากพอไปถึงที่บ้านญาติๆ ของเขาก็ไม่ค่อยชอบใจที่ท่านนำหนังสือธรรมะกลับไปด้วย โดยถึงขั้นจะเผาหนังสือทิ้งและให้เขาหันไปนับถือศาสนาคริสต์ตามครอบครัว ท่านจึงตัดสินใจออกเดินทางอีกครั้ง


โดยคราวนี้ได้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อไปศึกษาธรรมะโดยเฉพาะ จนกระทั่งปี 2002 ท่านจึงตัดสินใจบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ หลังได้พบกับ ท่านปัณณาธิภา (Pannadipa) ณ ศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนาตถาคต (Tathagata) ทีเอ็มซี – TMC – Tathagata Meditation Centre ในเมืองซาน โฮเซ่ (San Jose) รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) โดยมีพระอาจารย์ คือ ท่านซายาดอว์ ยู สิละนันทะ (Sayadaw U. Silananda)


 ทั้งนี้หลังจากศึกษาพระธรรมมาได้ระดับหนึ่ง ท่านจึงตัดสินใจกลับบ้านเกิดอีกครั้ง เพื่อทำตามปณิธานที่ตั้งไว้ว่า “จะต้องกลับไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ยูกันดาให้จงได้” ซึ่งฟังดูอาจจะดูเหมือนง่าย แต่หากพอทำจริงมันยากมากเพราะชาวบ้านยังไม่เชื่อใจ บ้างก็ว่าท่านถูกมนต์ดำ บ้างก็ว่าท่านวิกลจริต เดินเข้ามาแกล้งสารพัด จนเป็นที่ตลกขบขัน แต่ด้วยวัตรปฏิบัติของท่านที่เรียบง่าย และงดงาม ไม่เคยถือโทษโกรธผู้ใด แต่ไขข้อสงสัยให้แก่ผู้ที่เข้ามาตั้งคำถามอย่างใจเย็น จนเป็นที่น่าประทับใจ ทำให้ผู้คนเปิดใจให้กับท่านมากขึ้น


และในปี 2005 ศูนย์พระพุทธศาสนาในยูกันดาได้รับการสถาปนาขึ้น ในนาม Uganda Buddhist Centre หรือ UBC ซึ่งถือเป็นจุดเกิดพระพุทธศาสนาในดินแดนกาฬทวีปแผ่นดินแอฟริกา


ขณะที่ พระพุทธรักขิตะ ได้กล่าวว่า “เมล็ดพันธุ์แห่งพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทได้ถูกปลูกฝังลงในยูกันดาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาแห่งการดูแลให้เติบใหญ่ หวังว่าเมล็ดพันธุ์ที่มีประโยชน์นี้จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและเติบโตอย่างแข็งแรง แผ่ขยายไพศาลเป็นผลไม้แห่งประโยชน์ของสัตว์โลกทั้งปวง”

# yuri 🐻🐼

*******************
ขอบคุณข้อมูล  จาก  Fwd Line

วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561

ทาน


พระพุทธองค์ตรัสว่า..

"บุคคล แม้ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง แต่ก็สามารถให้ทานกับผู้อื่นได้ ด้วยสิ่งของ 5 ประการ"

1. ใบหน้าเป็นทาน : สามารถให้รอยยิ้มความสดใส

2. วาจาเป็นทาน : พูดให้กำลังใจ ชื่นชม และปลอบประโลมผู้อื่นให้แจ่มใสได้สติ

3.   จิตใจเป็นทาน : สามารถเปิดอกเปิดใจกับผู้อื่น ด้วยความนอบน้อมและจริงใจ

4.  ดวงตาเป็นทาน : ใช้แววตาแห่งความหวังดีความโอบอ้อมอารีให้กับผู้อื่น

5.  กายเป็นทาน : สามารถใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

อย่าได้ตระหนี่ในการส่งต่อให้ผู้อื่น..ประโยชน์จะเพิ่มพูน  แล้วจะโชคดี ร่ำรวย มั่งคั่ง อย่างยิ่ง
***********
Cr. Fwd line

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561

ฝึกหาความสุข...


8 ข้อปฏิบัติ เพื่อฝึกหาความสุข .....
1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็น
คนตัวเล็กอย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดาอย่า
เป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้
ความสำคัญกับตัวเองมากไป
2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การ
สะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะ
สมแล้วไม่เป็นภาระ ยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็น
ภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย
3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไป
บ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมัน
ไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์
แบบมีจริง
4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ
หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมากไม่ว่าสิ่ง
นั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้อง
พูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มี
แต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว
5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ
หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความ
สุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่ เดี๋ยวความ
ทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้
ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย
6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการนินทาหมายความ
ว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน
ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า "เรามาถูกทางแล้ว"
แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้ง
เต้นกากับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คน
เป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่
นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นิน
ทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา
7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงินหมาย
ความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์
ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัด
พอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การ
ที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จัก
เพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก
เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มาก
กว่าการหาเงิน
8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละและยอมเสียเปรียบหมายความ
ว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้างเป็นเรื่องจำ
เป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้องบ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอม
เสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้าคนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก
กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้อง
สู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมด เพื่อความถูกต้องที่ตน
เองยึดมั่นถือมั่น
อ่านแล้ว.....อยากอ่านอีกครั้ง
นำเสนอโดย
#เรื่องดีๆมีข้อคิด
Line : ts2502
Instagram : th.thamma

วันศุกร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561

อดีตชาติ


ภาพจากอินเตอร์เนต
   .........................
 ชีวิตในอดีตชาติ อาจทำให้ละกิเลสได้เป็นอันมาก
      กว่าจะมาเป็นเราแต่ละคนในภูมิของมนุษย์นี้ ต่างก็เป็นอะไรต่อมิอะไรมามากมาย นับชนิดนับชาติไม่ได้ เป็นกันทั้งเทวดา สัตว์ใหญ่สัตว์เล็ก รวมทั้งมนุษย์ชายหญิง คนมีคนจน คนสวยคนไม่สวย คนพิการคนไม่พิการ อายุสั้นอายุยาว ขาวดำ ไทยจีนแขกฝรั่ง ต่างเคยมีเคยเป็นกันมาแล้วทั้งนั้น แม้เป็นผู้ระลึกชาติได้ก็จะสลดสังเวชยิ่งนัก และอาจจะสละละวางความโลภความโกรธความหลงได้เป็นอันมาก
      เห็นสุนัขขี้เรื้อนสักตัว แล้วลองนึกว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นเช่นเดียวกัน เคยกระเซอะกระเซิงเที่ยวหาอาหารกิน ถูกคนตี ถูกสุนัขด้วยกันกัด ถูกใครทั้งหลายที่ได้มาประสบพบผ่านแสดงกิริยาวาจารังเกียจเกลียดชัง ให้ต้องถึงเลือดตกยางออก ตกใจกลัวภัยนานา แต่จะบอกกล่าวอ้อนวอนให้ผู้ใดเห็นใจก็ทำไม่ได้ อย่างมากก็เพียงเปล่งเสียงโหยหวนที่หามีผู้เข้าใจในความทุกข์ร้อนไม่ แม้นึกไปในอดีตเช่นนี้ สมมติว่าตัวเองในภพชาติหนึ่งเป็นเช่นนี้ จะเกิดความกลัวกรรม เพราะย่อมได้ความเข้าใจว่ากรรมไม่ดีแน่แท้ที่ทำให้ชีวิตต้องเป็นเช่นนั้น
     อย่าเป็นผู้ปฏิเสธในเรื่องของกรรม
     ..................................
     เพื่อความไม่ประมาท จงอย่าปฏิเสธโดยไม่รู้จริงเช่นนี้ 
     เพราะวันหนึ่งจะหนีไม่พ้นผลที่น่ากลัวนักของกรรม....
        ฯลฯ
(จากหนังสือ อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก)




วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561

หัดตาย



   การหัดตาย ก็คือการปล่อยใจจากสิ่งทั้งหลาย ก่อนที่จะถูกความตายบังคับให้ปล่อย

   ปราชญ์ทางพุทธศาสนา คือ ผู้มีปัญญา ท่านสอนให้เร่งอบรมมรณสติ นึกถึงความตาย หัดตายก่อนตายจริง
    จุดมุ่งหมายสำคัญของการหัดตายก็คือ เพื่อปล่อยใจจากสิ่งทั้งหลายก่อนที่จะถูกความตายบังคับให้ปล่อย กิเลสเครื่องเศร้าหมองใจ ตัณหาความดิ้นรนทะยานอยาก อุปาทานความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายทั้งปวง หัดใจให้ปล่อยเสียพร้อมกับการหัดตายสิ่งอันเป็นเหตุในโลภ ให้โกรธ ให้หลง ให้เกิดตัณหาอุปาทาน หัดละเสียปล่อยเสียพร้อมกับการหัดตาย ซึ่งจะมาถึงเราทุกคนเข้าจริงไดทุกวินาที ไม่ว่าจะแก่เฒ่าหนุ่มสาวหรือเด็กเล็กเพียงไหน.......
********
(จากหนังสือ อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกฉ