ประตูมีหลายแบบ ความทุกข์และปัญหาก็มีหลายแบบเช่นกัน บางครั้งเราใช้ชีวิตแบบดึง ทั้งที่ประตูบอกว่าผลัก และใช้ชีวิตแบบผลัก ทั้งที่ประตูบอกให้เลื่อน
ประตูเปิดไม่ออก ปัญหาผลักไม่ออก ไม่ใช่เพราะปัญหาแก้ไม่ได้หรือประตูเปิดไม่ได้ หากแต่เป็นที่ตัวเราไม่เคยใช้"ความคิด"เพื่อค้นหาวิธีการเปิดประตูอย่างถูกต้องเลย
พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ท่านให้พร ๔ ข้อ ดังนี้
๑.อย่าเป็นนักจับผิด ... คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส"จิตประภัสสร" ฉะนั้น จงมองคนมองโลกในแง่ดี "แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็นก็เป็นสุข"
๒.อย่ามัวคิดริษยา "แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน....เราต้องมีพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัวมีชื่อว่า"เจ้ากรรมนายเวร" ถ้าเขาสุขเราจะทุกข์ ฉะนั้น เราจะต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจเรา เพราะความริษยา เป็น"ไฟสุมขอน"(ไฟเย็น) เราริษยา ๑ คน เราก็มีทุกข์ ๑ ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี "แผ่เมตตา" หรือซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป
๓.อย่าเสียเวลากับความหลัง เก้าสิบเปอร์เซนต์ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ "ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น" มนุษย์ที่สลัดควาาหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้วจงปล่อยมันซะ
"อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีตมากรีดปัจจุบัน"
"อยู่กับปัจจุบันให้เป็น" ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย
คือมี"สติ"กำกับตลอดเวลา
๔.อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ "ตัณหา"ที่มีปัญหาคือความโลภ ความอยากที่เกิดพอดี เหมือนทะเลที่ไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ "ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม" ทุกอย่างต้องดูที่คุณค่าแท้ ไม่ใช่คุณค่าเทียม คุณค่าของนาฬิกาคืออะไร คือไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าแท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆที่เสริมมา ไม่ใช่คุณค่าแท้ของโทรศัพท์
เราต้องถามตัวเองว่า "เกิดมาทำไม" คุณค่าแท้ของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตามหา "แก่นชีวิต"ให้เจอ
คำว่า "พอดี" คือถ้า "พอ" แล้วจะ "ดี" รู้จัก "พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข ..
***********
(บทความเรื่อง ประตูสองบาน โดย ว.วชิรเมธี จากหนังสือ ข่าวสารกัลยาณธรรม ปีที่ ๑๒ ฉบับที่ ๓๙ กันยายน ๒๕๖๐)