๑.คติสมบัติ นั้นได้แก่เราเกิดมาเป็นคนเป็นมนุษย์นี้ อันนี้เป็นสมบัติอันหนึ่งหาได้ยากในการที่จะเกิดเป็นคนต้องมีบุญวาสนาบารมีที่จะได้เกิดมาเป็นคน
๒.กาลสมบัติ ที่เราได้มาพบศาสนาของพระพุทธเจ้านี้เป็นการยาก เราพบพระวินัย พบพระสงฆ์ พบพระธรรม วินัยนั้น เราก็มีทุกบาทก้าวเราระมัดระวังเป็นศีล พบพระธรรรม คือการเจริญวิปัสสนาในแนวสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้แหละเป็นกาละ เป็นสมบัติอันประเสริฐ ที่เรานั้นมาพบเกิดมาพบพระธรรม พระวินัยของพระพุทธเจ้า
๓.กุลสมบัติ เราเกิดในตระกูลที่ดี พ่อแม่เรานับถือพุทธศาสนาพวกเราก็ได้เข้าสู่การนับถือศาสนาพระพุทธเจ้า เพราะตระกูลเราเป็นผู้เลื่อมใสในพุทธศาสนา เราได้มาตามตระกูล ตามปู่ย่า ตายายของเรา ได้แสดงให้เห็นในที่เราเกิดมาเมื่อเป็นเด็กเล็ก ๆ เราได้เห็นพ่อเห็นแม่ของเราได้ไปวัดไปวาตระกูลของเรานี้นับถือพระพุทธศาสนา
๔.อุปธิสมบัติ อุปธิ นั้นได้แก่การที่สมบัติของเราทั้ง ๖ ประการ คือ ตา หู จมูก กาย ใจ สมบัติทั้ง ๖ ประการ อุปธิสมบัติคือการที่เราไม่เป็นคนบ้าใบ้เสียจิตใจ ได้เป็นคนปกติดีมีกายมีใจอันสบายรับรู้ทั้งทวารทั้ง ๖ อันนี้เป็นสมบัติอันล้ำค่าเราจะแลกเอา สมบัติโลกิยะและโลกุตตระสมบัติได้ ในเวลานี้เราเอา ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ สมบัติอันนี้มาทำให้แลกเอา โลกุตตระสมบัติ
..........................
(จากหนังสือ ธรรมะจากหลวงปู่ ๑๖ พระธรรมมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร)