หลายปีก่อน โยมผู้ชายคนหนึ่งเล่าให้อาตมาฟังว่าเขาหันมาสนใจพุทธศาสนาได้อย่างไร โยมเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่เขายังหนุ่ม เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เด็ก เขาเป็นอัจฉริยะและเป็นแก้วตาดวงใจของคนในครอบครัวมาตลอด แต่ในเวลานั้น เป็นครั้งแรกที่เขาเจอปัญหาประเดประดังท่วมท้น ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ทุกอย่างหนักหนาเกินจะทานไหว เขาจึงตัดสินใจกินยาเกินขนาด
ขณะกำลังจะหมดสติ โทรศัพท์ข้างเตียงก็ดังขึ้น มีอะไรสักอย่างทำให้เขาฝืนขึ้นมารับสาย หูเขาได้ยินเสียงน้องสาวฝาแฝดซึ่งตอนนั้นอาศัยอยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร น้องสาวบอกว่าอยู่ๆ ก็ตกใจตื่น สังหรณ์ใจว่าพี่ชายกำลังตกอยู่ในอันตราย เขารู้สึกมึนงงจนไม่อาจจะตอบได้ น้องสาวรีบวางสายแล้วติดต่อหน่วยฉุกเฉินทันที โยมคนนี้รอดชีวิตมาได้และเริ่มแสวงหาสิ่งที่จะให้ความหมายกับชีวิต จนได้มาพบพระพุทธศาสนา
เรื่องนี้เป็นดั่งละครและเป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างตรงกับความหมายตามตัวอักษรของการที่ใครสักคนได้รับ 'การปลุกให้ตื่น' เมื่ออาตมานึกถึงเรื่องนี้มีข้อคิดผุดขึ้นสองประการ ประการแรก ในเมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจนเป็นธรรมดา ก็น่าประหลาดใจมากที่ยังคงมีความเชื่ออยู่ว่าจิตเป็นเพียงผลพลอยได้จากการทำงานของสมอง อีกทั้งนักวัตถุนิยมยังเพียรพยายามยืดยาวอย่างไร้เหตุผลเพื่อจะปฏิเสธปรากฏการณ์เหล่านี้
ประการที่สอง การปลุกให้ตื่นไม่จำเป็นต้องสุดขั้วขนาดนี้ ยิ่งเราฝึกดูกายดูจิตอย่างสม่ำเสมอ เราจะยิ่งได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของเรา เมื่อมีสติรู้ตัว ทุกสิ่งสามารถปลุกให้เราตื่นได้ พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราพิจารณาว่า "วันคืนล่วงไปๆ เรากำลังทำอะไรอยู่"
ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ
******
Cr.https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0QoLfuESRtAPaGybx7r6AMWdR1wQ3DoSACXs3aL62uZr1zPuVn5eM6xH8G3HNQYPQl&id=100064337808864&mibextid=Nif5oz
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น