...เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสไปร่วมงานศพเพื่อนร่วมรุ่น ฯ ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ (พระอารามหลวง) ปากเกร็ด ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เข้าไปในวัดนี้.. ขออนุญาตเก็บภาพมาให้ชมนะครับ...
พระอุโบสถ
พระอุโบสถสวยงามมาก ภายในเรียบง่าย ... หลวงพ่อบอกว่า พระอุโบสถหลังนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก เนื่องจากหน้าวัดหันหน้าออกสู่ถนนติวานนท์..
พุทธภาษิตที่ลานหินโค้ง
ศูนย์หนังสือภายในบริเวณวัด
ที่นี่ "ศูนย์หนังสือ " ทำให้เวลาที่ "รอคอย"
ใช้ได้คุ้มค่ามากครับ
ในส่วนของงานศพ
เวลา ๑๙.๐๐ น.
*เริ่มพิธีกรรมทางพุทธศาสนา
*บูชาพระรัตนตรัย/สมาทานศีล
*พระสงฆ์แสดงธรรม
*พระสงฆ์ ๔ รูป สวดพระอภิธรรม
*ทอดผ้าบังสุกุล/ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม
*กรวดน้ำรับพร
เวลา ๒๐.๐๐ น.
*เสร็จพิธี
ที่แตกต่างจากวัดทั่วไป คือ ทางวัดมีข้อกำหนด ห้ามจัดเลี้ยงอาหารสำหรับแขกที่มาในงาน...เท่าที่สอบถามดูทราบว่าประเภทอาหารกล่องนั้นสามารถทำได้ แต่ต้องไม่รับประทานในขณะที่มีพิธีทางศาสนา
อีกประการหนึ่งคือ ไม่ส่งเสริมให้นำพวงหรีดมาในงานศพ แต่ให้ใช้ต้นไม้แทน...(ว่ากันว่า..หากงานศพใดไม่มีพวงหรีดเลย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเผาศพ..) ทุกศาลาสวดศพจะมีตู้ใส่เงินแทนการจัดซื้อพวงหรีด(เงินจำนวนนี้ก็จะเป็นประโยชน์ในการบำรุงพระศาสนาต่อไป)...พระอาจารย์บอกว่า พวงหรีดนั้นหลังจากเสร็จงานแล้วทำให้ทางวัดมีปัญหามากในการจัดการขยะ....
************
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียน ครับ
************
******
*******
***********
จาก Line. ปริศนา ธูป 1 ดอก .....
ตอบลบงานบำเพ็ญกุศลผู้วายชนม์ที่วัดชลประทาน การสวดพระอภิธรรมของ
วัดชลประทานสมัยนี้ ยังคงเป็นเหมือนกับ
สมัยที่หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ มีชีวิต...
นั่นคือ งานสวดพระอภิธรรมต้องมีเทศนาธรรม แขกเหรื่อที่มาร่วมงานศพ ต้องสวดมนต์รับศีล ฟังเทศน์ ก่อนจะฟังสวดพระอภิธรรม
พระท่านเทศน์ด้วยคำถามว่า
รู้ไหมว่าทำไม...ต้องจุดธูป 3 ดอกหน้าพระพุทธ
หลายคนคงบอกว่าเพื่อบูชา
พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
คำตอบคือ.....ผิด!
ความจริงแล้วธูปทั้ง 3 ดอก จุดเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า
หรือ พระพุทธเพียงอย่างเดียว
เพียงแต่ 3 ดอก ที่จุดขึ้นนั้นก็เพื่อ
บูชาพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิกุลหรือพระวิสุทธิคุณ
และพระมหากรุณาธิการของพระพุทธเจ้า
= บูชาพระปัญญาคุณ เพราะพระพุทธองค์ทรงรู้แจ้ง
เห็นจริงด้วยพระองค์เอง
= บูชาพระบริสุทธิคุณ เพราะหมดจดสิ้นโลภ โกรธ หลง
= บูชาพระมหากรุณาธิคุณ เพราะมีเมตตาสั่งสอน
ให้ผู้อื่นรู้แจ้งเห็นจริง
แล้วธูป 1 ดอกที่จุดหน้าศพล่ะ?...... ไม่ต้องรอคำตอบ
พระท่านได้เฉลยว่า ธูป 1 ดอก
หมายความถึง...
*ชีวิตของคน แต่ละคนมี
1 ชีวิตเท่ากัน
*ธูปส่วนที่ถูกเผา หมายถึง ช่วงเวลาที่ดำเนินชีวิตมาแล้ว
ส่วนธูปที่เหลือ
คือช่วงเวลาที่เหลืออยู่
*พระท่านยังพูดว่า เมื่ออยู่หน้าศพ ก็ให้ระลึกไว้ 3 อย่าง
- หนึ่งคือ เอวัง ภาวี หมายถึง ต่อไปเราก็ต้องเป็นแบบนี้
- หนึ่งคือ เอวัง ธัมโม สิ่งนี้คือธรรมชาติ
- อีกหนึ่งคือ เอวัง อะนาติโต ทุกชีวิตไม่สามารถหนีสิ่งนี้พ้น
พระท่านบอกว่า งานสวดศพเขาเรียกว่างานบำเพ็ญ
กุศล ไม่ใช่งานบุญ
...เพราะ การทำบุญนั้น พอทำแล้วใจพองโต เช่น ทำดี ได้บุญ ใจเป็นสุข
..แต่ทำกุศลนั้น ทำแล้วได้ปัญญา
ท่านพุทธทาส
สอนความแตกต่างระหว่าง "บุญ" กับ "กุศล" เอาไว้สรุปว่า
= บุญ คือ การพอใจ
= ส่วนกุศล คือ ความฉลาดที่จะไม่ติดยึดกับความพอใจ
การจัดงานศพจึงเป็นงานบำเพ็ญ
กุศล คือสร้างเสริมปัญญาให้แก่ ผู้มาร่วมงาน ทำให้รู้ว่า
*ชีวิตมีเท่านี้
*ช่วงชีวิตก็แค่นี้
*สุดท้ายของชีวิตก็แบบนี้
ดังนั้นใครที่โกรธกัน ใครที่เกลียดกัน ใครที่มัวแต่คิดจะฆ่าฟันทำลายล้าง น่าจะลองทบทวนใหม่
ใครที่ซึมเศร้า
ใครกำลังคิดสั้น ใครท้อแท้-หดหู่ ก็น่าจะทบทวนตัวเองอีกครั้ง
*ทบทวนหวนนึกถึงธูป 1 ดอก ที่หมายถึงชีวิต 1 ชีวิต
*ทบทวนถึง...ธูปที่เผาไหม้ อันหมายถึงเวลา....ที่ชีวิตใช้ไปทุกเมื่อเชื่อวัน
*ทบทวนแล้วน่าจะแลเห็นว่า
ชีวิตนั้นแสนสั้น
การอยู่ร่วมกันของคนแต่ละคน
ก็แสนสั้น
หากมัวแต่เกลียดกัน โกรธกัน ฆ่าฟันทำลายล้างกัน ทำให้จิตใจ
มัวหมอง
เท่ากับว่ากำลังทำให้ชีวิต
เสียโอกาส.....
เสียโอกาสที่จะได้ทำบุญคือ ทำแล้วฟูใจ พอใจ สบายใจ
และเสียโอกาสที่จะได้กุศล คือ ได้วิชา ได้ความรู้ ได้ปัญญา
...สาระดีๆที่ควรอ่านและบันทึกไว้เวลาของชีวิตเรา เหลือไม่เยอะนักเหมือน
" ธูป ส่วนที่เหลือ "
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ลบขอขอบคุณในความเห็นอันเป็นกุศลนี้ครับ
ลบขอบคุณครับ
ตอบลบดีมากครับเคยไปครั้งหนึ่ง น่าเอาเป็นแแบบอย่างครับ
ตอบลบ