วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560
เพื่อรอยยิ้ม เมื่อสิ้นลม
หลายคนอาจสงสัยว่า
ทำไมต้องบริหารจิต
คำตอบก็คือ
จะได้เอาใช้ในเวลาที่สำคัญที่สุดคือ
ตอนสภาวะจิต ณ ขณะตาย ซึ่งจิตก็จะไปตามสภาวะนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในวัยชราภาพด้วยแล้ว ย่อมมีโรคภัยที่จะมาสร้างความเวทนา ความเจ็บปวดตอนจิตจะละสังขาร ดังนั้น ถ้าจิตไม่ได้รับการฝึกหัดมา บ่มบุญ บ่มสติมา ก็ยากที่จะตั้งจิตไว้ได้
โดยปกติแล้วห้องไอซียู มักมีแต่ความตึงเครียด หดหู่น่ากลัว จึงเป็นธรรมดาที่ห้องไอซียูเป็นความทรงจำที่ผู้ผ่านประสบการณ์มักต้องการลบและลืม แต่สำหรับคุณยายพิสมัย และลูกหลานอีกสองคน กลับเป็นความประทับใจ ที่ต้องจดจำไปอีกยาวนาน คงเป็นเพราะคุณยายทำบุญมาดี เลยมีพระดีมาโปรดทำให้คุณยายพิสมัยมาป่วยพร้อมๆ กับพระอาจารย์คำเขียน สุวณฺโณ ผู้เป็นเสาหลักของการเผยแผ่ธรรมจากภูโค้ง จ.ชัยภูมิ ซึ่งท่านมีลูกศิษย์มาก ด้วยเหตุนี้ภายในห้องไอซียู จึงมีพระสงฆ์อยู่เฝ้าไข้เป็นประจำ ซึ่งค่ำคืนนี้เป็นเวรของพระอธิการครรชิต อกิญฺจโน เจ้าอาวาสวัดป่าสันติธรรม ต.ท่าหินโงม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
แต่ด้วยเหตุห้องไอซียู
ไม่เอื้อต่อบรรยากาศในการสนทนาความ แต่อาการชักของคุณยายพิสมัย จึงอยู่ในสายตาของพระอธิการครรชิตโดยตลอด ท่านก็ได้แต่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ คอยแผ่เมตตาส่งแรงใจช่วย ตลอดคืนนั้นอาการของคุณยายพิสมัยไม่ดีขึ้น อาการชักมีต่อเนื่องไม่ผ่อนคลาย มาตรวัดที่มอนิเตอร์ข้างเตียงบ่งบอกถึงอาการที่ไม่น่าไว้วางใจ จนแพทย์เวรต้องมาเปรยกับลูกหลาน ว่า คุณยายควรทำสังฆทานได้แล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ลูกหลานของคุณยายพิสมัยได้เข้ามาอาราธนาท่านให้ไปรับสังฆทานจากคุณยาย แม้ว่าจะเห็นหน้ากันคุ้นเคย แต่การสนทนาที่แท้จริงเพิ่งจะเกิดขึ้นครั้งแรก
พระอธิการได้สอบถามถึงความป่วยไข้ จึงรู้ว่า เป็นด้วยความชราภาพอ่อนกำลัง ไม่ใช่ความผิดปกติจากโรคภัยใดๆ อาการชักนั้นไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง แพทย์บอกได้เพียงว่า มาจากสภาพเสียสมดุลของเคมีภายในร่างกาย
ลูกหลานขอให้พระอธิการครรชิต รับสังฆทาน แล้วช่วยสวดมนต์ให้คุณยายด้วย
พระอธิการตอบรับ แต่ในใจนั้นท่านมีวิธีการอื่นที่น่าลองมากกว่า
พระอธิการได้ถามถึงกิจวัตรของคุณยาย รู้ว่า
คุณยายใส่บาตรทุกเช้าไม่เคยขาด
คุณยายเคยผ่านการอบรมกรรมฐานมาบ้าง และชอบไปไหว้หลวงพ่อทองคำ ที่ วัดไตรมิตรฯ เป็นประจำ
ที่ข้างเตียงของคุณยายพิสมัย ในห้องไอซียู
คุณยายยังคงอยู่ในสภาพที่ร่างกายกระตุกตลอดเวลา
พระอธิการครรชิตได้พิจารณาอาการ และคิดหาหนทางแก้ไข และเห็นว่า การน้อมนำจิตของคุณยายออกจากเวทนา ไปสู่ที่หมายใหม่ให้จิตได้ตั้งมั่น และที่ง่ายที่สุดน่าจะพึ่งอานิสงส์จากการใส่บาตรเป็นประจำทุกเช้านี่แหละ ท่านนั่งลงที่ข้างเตียงแล้วเริ่มบทสนทนา แน่นอนว่า เป็นการพูดข้างเดียว เพราะคุณยายมีสายยางสอดผ่านลำคอ แต่ยังดีที่คุณยายมีสติพยักหน้ารับรู้
“คุณโยม อาตมาเป็นพระนะ วันนี้ มาเยี่ยมไข้คุณโยม คุณโยมรับรู้หรือไม่ ถ้ารับรู้ช่วยพยักหน้ารับทีได้ไหม”
พระอธิการเริ่มการสนทนา
คุณยายผงกศีรษะรับรู้
พระอธิการจึงเข้าเรื่องทันที
“คุณโยม วันนี้ วันพระนะ เช้าแล้วไปใส่บาตรกันดีไหม”
คุณยายผงกศีรษะรับอีก
“เข้าครัวกันดีกว่า........ หาขันข้าวเจอหรือยัง......... กับข้าวอยู่ไหน...... เรียงใส่ถาดให้ครบนะ ค่อยๆ ใจเย็นๆ ”
พระอธิการเริ่มนำจินตนาการ เป็นจังหวะช้าๆ หน่วงเวลาให้คุณยายได้สร้างมโนภาพตาม ด้วยความคุ้นเคยในกิจวัตรที่กระทำในทุกเช้า จึงไม่ยากเลยที่คุณยายจะคล้อยตาม
“ไปหน้าบ้านกันดีกว่าโยม ใกล้เวลาพระมาแล้ว เอาเก้าอี้ไปด้วยนะ จะได้นั่งให้สบาย”
คุณยายผงกศีรษะรับ
“ไหนคุณโยมพระมาหรือยัง หันไปทางซ้ายดูซิ มีพระมาไหม”
คุณยายสั่นศีรษะ
พระอธิการรู้ทันทีว่า ที่บ้านของคุณยายทุกเช้าพระบิณฑบาตมาจากทางขวามือ
“ทางขวาล่ะ พระมาหรือยัง”
คราวนี้คุณยายผงกศีรษะรับ
“คุณโยมพระมาแล้ว ท่านมายืนข้างหน้าเปิดฝาบาตรรอแล้ว คุณโยมยกขันข้าวขึ้นอธิษฐานก่อน”
คราวนี้คุณยายเลื่อนมือที่เคยวางทอดอยู่ข้างเตียงขึ้นมาประสานกันที่บริเวณหน้าท้อง ในลักษณะประคองขันข้าว พระอธิการได้กล่าวคำอธิษฐานนำ ซึ่งมีแต่สิ่งดีงามเพื่อน้อมนำจิตใจ
“อ้าวคุณโยมตักข้าวใส่บาตรนะ ....ใส่กับข้าวด้วย ........เอาดอกไม้ธูปเทียนวางบนฝาบาตร......เสร็จแล้วองค์ที่หนึ่ง ......พระไปยืนรอทางซ้ายแล้ว”
“องค์ที่สอง ตักข้าวใส่บาตรนะ........ ใส่กับข้าวด้วย .........อย่าลืมดอกไม้ธูปเทียนวางบนฝาบาตร........เสร็จแล้วองค์ที่สอง .........พระไปยืนรอทางซ้าย”
พระอธิการนำจินตนาการใส่บาตรทีละองค์ ทีละองค์ จนครบหกองค์
เป็นการพูดนำทีละขั้นตอน เป็นจังหวะที่เนิบช้าอยู่หกรอบ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการย้ำภาพเดิมที่คุณยายคุ้นเคย เพื่อปลุกเร้าจินตนาการให้เกิดนิมิตอันแรงกล้าขึ้น เพียงการนำจินตนาการใส่บาตรพระผ่านไปยังไม่ทันครบ ผลที่เกิดขึ้นอย่างเด่นชัดก็คือ อาการกระตุกของร่างกายเริ่มลดลง คุณยายเริ่มมีความผ่อนคลายมากขึ้น แล้วเมื่อการนำจินตนาการใส่บาตรครบสมบูรณ์ทั้งหกองค์
“คราวนี้กรวดน้ำรับพรนะ เตรียมตัวพระจะสวดแล้ว .......... ยะถา วาริวะหา ปูรา ปาริปูเรนติ........”
พระอธิการสวดอนุโมทนายะถาสัพพีทั้งบทอย่างสมจริงให้คุณยายได้ตั้งจิตรับพร
ไม่น่าเชื่อว่า ความปกติได้หวนคืนกลับมา คุณยายพิสมัยไม่มีอาการกระตุกหลงเหลืออีกแล้ว
“คุณโยม ใส่บาตรรับพรจากพระเรียบร้อยแล้ว อิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว วันนี้เราไปไหว้พระ ที่วัดไตร มิตรฯ กันต่อดีไหม”
คุณยายผงกศีรษะรับ พระอธิการจึงพาไปเที่ยวไหว้พระต่อ ที่วัดไตรมิตรฯ ทันที
ที่วัดไตรมิตรฯ ตามจินตนาการ พระอธิการครรชิต ได้พาคุณยายพิสมัย กราบหลวงพ่อทองคำ ท่านถามคุณยายว่า พระพุทธรูปงามไหม คุณยาย ผงกศีรษะรับว่างดงาม
พระอธิการยังได้ชวนคุณยายนั่งลงภาวนาพุทโธ ที่หน้าองค์พระ โดยที่ท่านนำการภาวนาด้วยตัวเอง โดยออกเสียง พุท – โธ
พุท – โธ
เป็นจังหวะช้าๆ
เมื่อการภาวนาผ่านไปไม่นานนัก สิ่งที่พระอธิการสังเกตเห็นก็คือ เส้นกราฟแสดงผลการเต้นของหัวใจที่ปรากฏบนจอมอนิเตอร์ข้างเตียงนั้น จากที่เคยยุ่งเหยิงสับสน ก็เริ่มจัดระเบียบตัวเอง และเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง เส้นกราฟก็เริ่มขยับเป็นจังหวะ สอดคล้องตรงกับจังหวะเสียง พุท – โธ ที่ท่านพูดนำ ท่านรู้ทันทีว่าจิตของคุณยายได้ดิ่งสู่สมาธิภาวนาที่สมบูรณ์แบบแล้วในขณะนั้น
ในท่ามกลางความเป็นไปในห้องไอซียู ความเคลื่อนไหวรอบกายยังคงยุ่งเหยิงไปตามปกติของภารกิจในหมู่พยาบาลและแพทย์
แต่ที่เตียงของคุณยายพิสมัยนั้นเป็นข้อยกเว้น ทุกอย่างสงบและควบคุมอยู่ในอาการภาวนา พุท – โธ ที่ราบเรียบ
โชคดีที่ไม่มีใครในห้องหันมาให้ความสนใจ หรือเข้ารบกวนขัดจังหวะ มีแต่ลูกหลานทั้งสองที่สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด เกิดปีติจนน้ำตาพรั่งพรู
เพราะนี่คือความสงบระงับของคุณยายอันน่าอัศจรรย์
เพราะร่างกายของคุณยายได้กระตุกต่อเนื่องนานหลายเวลาแล้ว
เวลาล่วงเลยไปนานหลายนาน การภาวนา พุท – โธ ยังคงดำเนินต่อเนื่อง
มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่จอมอนิเตอร์ ระดับชีพจรของคุณยายเริ่มช้าลง แรงดันโลหิตลดระดับลง และลดลงอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดความเคลื่อนไหวทั้งหมดได้หยุดนิ่งลง
เส้นกราฟราบเรียบเป็นเส้นตรง ตัวเลขทุกตัวแสดงค่าเป็นศูนย์ บ่งชี้ว่าคุณยายพิสมัยได้สิ้นลมแล้วอย่างสงบ เป็นการละสังขารในขณะที่ยังตั้งมั่นอยู่ในจิตภาวนาที่สมบูรณ์แบบ อันเป็นภาวะที่หาได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับปุถุชนที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนจิตอย่างช่ำชอง
ความเป็นไปทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในห้องไอซียู ห้องที่มักพบแต่ความอาภัพอับเฉาของชีวิตผู้คน
แต่สำหรับวันนี้ของคุณยายพิสมัย ด้วยการนำจินตนาการของพระอธิการครรชิต ที่ไม่เคยเสวนาธรรมกันมาก่อนเลยในชีวิต
แต่วันนี้พระอธิการ ได้พาคุณยายก้าวเดินสู่การละวางสังขารที่สมบูรณ์แบบ ภายใต้อารมณ์ของการภาวนาอย่างแท้จริง
พระอธิการครรชิต ได้อรรถาธิบายว่า อาการกระตุกของคุณยายเกิดจากเวทนา ด้วยความเสื่อมไปของสังขาร เมื่อเวทนาแรงกล้า จิตย่อมขาดที่พึ่งพิง การน้อมนำสู่จินตนาการใส่บาตรที่คุ้นเคย เป็นการสร้างปุญฺญานุสสติ ใช้ความดี ใช้บุญกุศลเป็นที่ตั้ง เมื่อจิตมีที่หมายที่แรงกล้าได้พักพิง จิตย่อมสงบ เมื่อจิตสงบ กายย่อมระงับเป็นธรรมดา เมื่อกายระงับและจิตสงบ ย่อมง่ายที่จะน้อมนำไปสู่สมาธิภาวนาได้ในท้ายที่สุด
!! คุณยายทำบุญมาดี เลยมีพระดีมาโปรด !!
แล้วเราจะโชคดีแบบคุณยาย มั้ย ?????
** พระอธิการครรชิต อกิญฺจโน
เจ้าอาวาสวัดป่าสันติธรรม ต.ท่าหินโงม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
* จากหนังสือ
“เพื่อรอยยิ้ม เมื่อสิ้นลม”
******************
Cr.Fwd Line
ป้ายกำกับ:
ธรรมทาน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น