....ฯลฯ....
จิตใจดวงผู้รู้ จริง ๆ มันอยู่ภายใน ให้เราสงบจิต สงบใจ รวมจิตใจเข้าไปภายในเถิด จึงจะรู้ได้เข้าใจ ถ้าไม่รวมไม่สงบเข้าไปภายในนี้ ไม่มีทางที่จะรู้ ทางหลงทั้งนั้น ทางภายนอกท่านว่าทางหลง ทางเมา ทางไม่รู้ คือว่ามัวเมาแต่เรื่องภายนอก จิตใจดวงผู้รู้ของตัวเองมีอยู่ภายในก็ไม่ดู ไม่พิจารณา ไม่รวม ไม่ทำใจให้สงบระงับ ท่านให้ตั้งใจลงไปว่าสิ่งอื่นใดนอกจากจิตดวงผู้รู้ ผู้ฟังธรรมได้ยินอยู่นี้ออกไปทั้งหมด อนิจจังไม่เที่ยง ไม่ต้องไปทุกขัง เป็นทุกข์เปล่า อนัตตาไม่ใช่ตัวตนของเรา ให้รวมให้สงบเข้ามาตั้งมั่นอยู่ในดวงจิตดวงใจผู้รู้ผู้เห็น มีอยู่ในหัวใจของตนเดี๋ยวนี้ขณะนี้
........
(จากหนังสือ สุข สงบ เยือกเย็น ๑๐๔ ปีชาตกาล หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)
ไม่ตามอารมณ์...
ตอบลบขณะนี้ให้ใจเรามีความสงบตั้งมั่นอยู่ในตัวอยู่ในใจอยู่ภายในไม่ให้ออกไปตามอารมณ์เช่นนั้น ถ้าเรารวมเข้ามาได้เมื่อใดเวลาใด จะมีความรู้สึกในตัวในใจว่าจิตใจสบายโล่งโปร่งเย็นสบาย หรือว่าร่างกายเบาร่างกายสว่างใสว จิตใจที่วุ่นวายร้อนด้วยกิเเลสราคะก็หายไป ร้อนด้วยกิเลสโทสะก็หายไป ร้อนด้วยกิเลสโมหะก็หายไป จิตใจตั้งมั่นอยู่ในใจ กำหนดได้ทุกลมหายใจเข้าออก เรียกว่าใจอยู่ในใจจริง ๆ คนเราเมื่อจิตใจอยู่ในจิตในใจจริง ๆ จะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน จะไปมาพูดจาปราศรัย ก็มีสติ สติคือความระลึกได้ ในจิต ในใจ ในตัว ของเราอยู่เสมอว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ สิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด....(จากหนังสือ สุข สงบ เยือกเย็น ๑๐๔ ปีชาตกาล หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)
ดวงจิตผู้รู็มีอยู่ในใจ...
ลบอานาปานสติกรรรมฐาน เราทุกคนมีลมหายใจเข้า มีลมหายใจออกกันอยู่ทุกคน แต่ว่าเราปล่อยให้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกนั้นเสียเปล่า ๆ สติไม่อยู่ในลม ปัญญาไม่รอบรู้ในกองสังขาร ให้รวมกำลังตั้งมั่นลงไปในจิตใจของเราให้ได้ ลมเข้าไปใครเป็นผู้รู้ ลมออกมาใครเป็นผู้รู้ ดวงจิตผู้รู้มีอยู่ในใจ จงรวมจิตใจตรงนี้เข้าไปภายใน เอาจนให้สงบระงับตั้งมั่น จิตเหลาะแหละหวั่นไหวสะเทือนลุ่มหลงมัวเมาไปตามกิเลสภายนอก จงเลิกละปลดปล่อยไปให้หมดสิ้น ทำจิตใจดวงนี้ให้ผ่องใสสะอาด คำว่าใจสะอาด ใจขาว ใจสะอาด ใจไม่คิดอิจฉา พยาบาท อาฆาต จองเวรใคร จิตใจไม่โกรธให้ใคร ไม่เกลียดไม่ชังใคร มีจิตใจอันตั้งมั่นวางเฉย อยู่ได้ในหัวใจของตนเอง ไม่เร่าร้อนด้วยกิเลสในใจ.....(จากหนังสือ สุข สงบ เยือกเย็น ๑๐๔ ปีชาตกาล หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)
สู้ไม่่ได้ ปัญญาไม่ถึง...
ลบกิเลสมันเป็นส่วน ๆ อย่างต่ำ อย่างกลาง อย่างสูง ยิ่งภาวนาเท่าไร กิเลสมันก็ละเอียดไปเรื่อยไป ไม่ใช่มันละเอียดไม่ได้ มันก็ละเอียดเหมือนกัน ตอนกิเลสละเอียด ๆ นั้น สู้มันไม่ได้ปัญญาไม่ถึง ก็ต้องภาวนาทำความเพียร ให้ละเอียดเข้าไปอีก มันก็ค่อยรู้ได้เข้าใจ จึงว่าคำสอนพระพุทธเจ้านั้นเป้นชั้นเป็นส่วน มีอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด กิเลสเป็นเครื่องผู่กมัดสัตว์ทั้งหลายอยู่ มันก็มีอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ในวันที่พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ภาวนาใต้ร่มไม้โพธิ์ คือกิเลสอย่างหยาบ ๆ พระองค์ปราบมานานแล้ว มาถึงร่มไม้โพธิ์ก็ปราบกิเลสอย่างกลาง ปราบกิเลสอย่างละเอียด ก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า.....(จากหนังสือ สุข สงบ เยือกเย็น ๑๐๔ ปีชาตกาล หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)