วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ทางรู้ ทางหลง


....ฯลฯ....
       จิตใจดวงผู้รู้ จริง ๆ มันอยู่ภายใน  ให้เราสงบจิต สงบใจ รวมจิตใจเข้าไปภายในเถิด จึงจะรู้ได้เข้าใจ ถ้าไม่รวมไม่สงบเข้าไปภายในนี้ ไม่มีทางที่จะรู้ ทางหลงทั้งนั้น ทางภายนอกท่านว่าทางหลง ทางเมา ทางไม่รู้ คือว่ามัวเมาแต่เรื่องภายนอก จิตใจดวงผู้รู้ของตัวเองมีอยู่ภายในก็ไม่ดู ไม่พิจารณา ไม่รวม ไม่ทำใจให้สงบระงับ ท่านให้ตั้งใจลงไปว่าสิ่งอื่นใดนอกจากจิตดวงผู้รู้ ผู้ฟังธรรมได้ยินอยู่นี้ออกไปทั้งหมด  อนิจจังไม่เที่ยง ไม่ต้องไปทุกขัง เป็นทุกข์เปล่า อนัตตาไม่ใช่ตัวตนของเรา ให้รวมให้สงบเข้ามาตั้งมั่นอยู่ในดวงจิตดวงใจผู้รู้ผู้เห็น มีอยู่ในหัวใจของตนเดี๋ยวนี้ขณะนี้
........
(จากหนังสือ สุข สงบ เยือกเย็น ๑๐๔ ปีชาตกาล หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ตามอารมณ์...
    ขณะนี้ให้ใจเรามีความสงบตั้งมั่นอยู่ในตัวอยู่ในใจอยู่ภายในไม่ให้ออกไปตามอารมณ์เช่นนั้น ถ้าเรารวมเข้ามาได้เมื่อใดเวลาใด จะมีความรู้สึกในตัวในใจว่าจิตใจสบายโล่งโปร่งเย็นสบาย หรือว่าร่างกายเบาร่างกายสว่างใสว จิตใจที่วุ่นวายร้อนด้วยกิเเลสราคะก็หายไป ร้อนด้วยกิเลสโทสะก็หายไป ร้อนด้วยกิเลสโมหะก็หายไป จิตใจตั้งมั่นอยู่ในใจ กำหนดได้ทุกลมหายใจเข้าออก เรียกว่าใจอยู่ในใจจริง ๆ คนเราเมื่อจิตใจอยู่ในจิตในใจจริง ๆ จะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน จะไปมาพูดจาปราศรัย ก็มีสติ สติคือความระลึกได้ ในจิต ในใจ ในตัว ของเราอยู่เสมอว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ สิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด....(จากหนังสือ สุข สงบ เยือกเย็น ๑๐๔ ปีชาตกาล หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ดวงจิตผู้รู็มีอยู่ในใจ...
      อานาปานสติกรรรมฐาน เราทุกคนมีลมหายใจเข้า มีลมหายใจออกกันอยู่ทุกคน แต่ว่าเราปล่อยให้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกนั้นเสียเปล่า ๆ สติไม่อยู่ในลม ปัญญาไม่รอบรู้ในกองสังขาร ให้รวมกำลังตั้งมั่นลงไปในจิตใจของเราให้ได้ ลมเข้าไปใครเป็นผู้รู้ ลมออกมาใครเป็นผู้รู้ ดวงจิตผู้รู้มีอยู่ในใจ จงรวมจิตใจตรงนี้เข้าไปภายใน เอาจนให้สงบระงับตั้งมั่น จิตเหลาะแหละหวั่นไหวสะเทือนลุ่มหลงมัวเมาไปตามกิเลสภายนอก จงเลิกละปลดปล่อยไปให้หมดสิ้น ทำจิตใจดวงนี้ให้ผ่องใสสะอาด คำว่าใจสะอาด ใจขาว ใจสะอาด ใจไม่คิดอิจฉา พยาบาท อาฆาต จองเวรใคร จิตใจไม่โกรธให้ใคร ไม่เกลียดไม่ชังใคร มีจิตใจอันตั้งมั่นวางเฉย อยู่ได้ในหัวใจของตนเอง ไม่เร่าร้อนด้วยกิเลสในใจ.....(จากหนังสือ สุข สงบ เยือกเย็น ๑๐๔ ปีชาตกาล หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)

      ลบ
    2. สู้ไม่่ได้ ปัญญาไม่ถึง...
      กิเลสมันเป็นส่วน ๆ อย่างต่ำ อย่างกลาง อย่างสูง ยิ่งภาวนาเท่าไร กิเลสมันก็ละเอียดไปเรื่อยไป ไม่ใช่มันละเอียดไม่ได้ มันก็ละเอียดเหมือนกัน ตอนกิเลสละเอียด ๆ นั้น สู้มันไม่ได้ปัญญาไม่ถึง ก็ต้องภาวนาทำความเพียร ให้ละเอียดเข้าไปอีก มันก็ค่อยรู้ได้เข้าใจ จึงว่าคำสอนพระพุทธเจ้านั้นเป้นชั้นเป็นส่วน มีอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด กิเลสเป็นเครื่องผู่กมัดสัตว์ทั้งหลายอยู่ มันก็มีอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ในวันที่พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ภาวนาใต้ร่มไม้โพธิ์ คือกิเลสอย่างหยาบ ๆ พระองค์ปราบมานานแล้ว มาถึงร่มไม้โพธิ์ก็ปราบกิเลสอย่างกลาง ปราบกิเลสอย่างละเอียด ก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า.....(จากหนังสือ สุข สงบ เยือกเย็น ๑๐๔ ปีชาตกาล หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)

      ลบ