(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)
ท่าเรือข้ามฟากที่ท่าเตียน(วัดโพธิ์)และท่ายายเผือก(วัดแจ้ง)
พระปรางค์วัดอรุณนี้ถือว่าเป็นพระปรางค์ที่สูงที่สุดในโลก สูง ๓๓ วาเศษ
ผู้ที่มาชมส่วนใหญ่จะเดินทักษิณารอบพระปรางค์ ๓ รอบ เพื่อเป็นสิริมงคล
พระอัฐิของรัชกาลที่ ๒ บรรจุอยู่ที่ฐานพระประธานในพระอุโบสถวัดอรุณ
สักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ขึ้นไปบนพระปรางค์เพื่อชมวิวของแม่น้ำเจ้าพระยามองไปเห็นพระบรมมหาราชวังและวัดโพธิ์
พระราชวังเดิมมองจากพระปรางค์วัดอรุณ
หลังจากไหว้พระและขึ้นไปชมพระปรางค์แล้วก็เดินลัดเลาะออกไปถนนอรุณอัมรินทร์ เราจะเข้าไปชมพระราชวังเดิม ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของกองทัพเรือและยังคงใช้เป็นสถานที่ทำงานของผู้บังคับบัญชาระดับสูง การเข้าชมต้องขออนุญาตก่อนนะครับ
ภาพภายในบริเวณพระราชวังเดิม
เราเดินชมภายนอกของพระราชวังเดิม ในส่วนที่อยู่ริมน้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะเป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและป้อมวิไชยประสิทธิ์
จากป้อมวิไชยประสิทธิ์จะมองเห็นพระราชวังเดิมอยู่ข้างใน
กองบัญชาการกองทัพเรือภายในพระราชวังเดิม
...เราเดินกลับออกมาจากพื้นที่กองทัพเรือ ก็จะเห็นป้ายวัดโมลีโลกยาราม ซึ่งอยู่ติดกับพระราชวังเดิม วัดนี้ตามประวัติศาสตร์บอกว่าเป็นสถานที่ศึกษาของพระราชโอรสในรัชกาล ๒
บริเวณของวัดค่อนข้างจะเล็กด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกติดกับพระราชวังเดิม ด้านตะวันออกติดคลองบางหลวง
ออกจากวัดโมลีโลก ฯ เดิมข้ามสะพานคลองบางหลวง ไปวัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร
วัดกัลยา ฯ เดิมเป็นพื้นที่บ้านของเจ้าพระยานิการบดินทร์(โต)ต้นสกุล กัลยาณมิตร แล้วสร้างวัดเดิมมีพระภิกษุจีนพำนักอยู่ ต่อมาถวายเป็นพระอารามหลวง รัชกาลที่ ๓ พระราชทานนามว่า วัดกัลยาณมิตร มีพระวิหารขนาดใหญ่ื มีหลวงพ่อโตหรือซำปอกง เป็นพระประธานหมือนกับหลวงพ่อโต ที่วัดพน้ญเชิงอยุธยา ในพระอุโบสถมีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ หน้าวิหารหลวงมีหอระฆัง แขวงระฆังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดผ่าศูนย์กลาง ๑๙๒ ซม.
จากวัดกัลยา ฯ เราเดินตามทางริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแบบสบาย สบาย...นะครับ ยังมีสถานที่ที่จะแวะชมอีกหลายแห่งครับ.....ขอบคุณที่ติดตามไปเที่ยวด้วยกันครับ
.........
เลาะริมชล ยลของเก่า(๑) http://navy09.blogspot.com/2013/01/blog-post_4.html
เห็นภาพแล้วคิดถึงอดีตที่ผ่านไปเร็วเหลือเกิน ปี๒๕๓๘ ผมยังมาเต้นท่าท.ร. - นอก๑ใน๑บ้าง..กระโดดตบมือบ้าง..ในหลักสูตรสูทกรรม..เรียนจบมีข้าราชการที่อยากมาเรียนแต่ไม่ได้มา..มาขู่ด้วยน๊ะว่า..จบแล้วต้องมาอยู่โรงครัว..ผมตอบไปเบาๆว่าผู้ที่จะสั่งข้าคือผบ.พัน..ไม่ใช่มึง..เรื่องจึงได้จบลงแบบน่ากระทืบ..แต่ที่น่าอายสำหรับผมคือมีรุ่นพี่ที่รู้จักหลายๆคนในท.ร.มาถามเสียงดังว่าเฮ้ย..จะไปนอกอีกแล้วเหรอ ? ผมตอบว่า..ถ้าบอกไปพี่อย่าหัวเราะน๊ะ..ดูสิพอบอกว่าผมมาเรียนสูทกรรม..ผู้ถามยังหัวเราะเสียงดังกว่าที่ห้ามไว้เสียด้วย..เห็นไหมว่าอดีตคนเรามีทั้งหวานและขมขื่นเช่นเพลงของครูสุรพล..สิบหกปี..ปี..ปี.
ตอบลบ