วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
ณ วัดโทรมๆแห่งหนึ่ง
ณ วัดโทรมๆ แห่งหนึ่ง...
เณรน้อยเล่าให้ภิกษุชราฟังด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
"วัดเล็กๆ แห่งนี้ มีแต่ท่านกับข้าเพียง 2 รูป ตอนที่ข้าลงเขาไปบิณฑบาต ชาวบ้านเอาแต่พูดจาดูถูกถากถางข้า ว่าข้าเป็นเณรป่าบ้างละ ว่าข้าเป็นเณรบ้าบ้างละ ไม่ค่อยมีใครใส่ใจทำบุญ ค่าธูปค่าน้ำมันตะเกียงเลย"
"เช้านี้ตอนออกไปบิณฑบาต อากาศข้างนอก หนาวเย็นมาก แต่ก็ไม่มีใครเปิดประตูให้ข้าเลย อาหารที่บิณฑบาตมาก็น้อยนิดน่าเวทนา ท่านอาจารย์ขอรับ ที่ท่านเคยกล่าวว่า วัดของเราจะเจริญรุ่งเรือง เสียงระฆังที่อุบาสกอุบาสิกามาเคาะตีจะดังไม่ขาดสาย น่ากลัวว่าจะเป็นเพียงความฝันเสียแล้วขอรับ"
ภิกษุชราขยับกายและปรับจีวร จากนั้นก็นั่งหลับตาฟัง ไม่พูดอะไร
เณรน้อยเห็นว่าภิกษุชราไม่กล่าวอะไร ก็บ่นต่อไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่งผ่านไป ภิกษุชราจึงเอ่ยขึ้นว่า
"ลมเหนือพัดมาไม่ขาดสาย เจ้าอยู่ข้างนอก หนาวไหม?"
"หนาวสิขอรับ! กระผมหนาวจนขาจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว"
เณรน้อยกล่าว
"ถ้าอย่างนั้น คืนนี้เรานอนให้เช้าสักหน่อยจะดีกว่านะ!"
ภิกษุชราเรียกให้เณรน้อยดับตะเกียง จากนั้นก็เข้าห้องเพื่อที่จะพักผ่อน
เมื่อผ่านไปประมาณหนึ่ง ภิกษุชราได้เอ่ยทำลายความเงียบว่า
"ตอนนี้เจ้ารู้สึกอุ่นหรือยัง?"
"อุ่นแล้วขอรับ ตอนนี้อุ่นเหมือนนอนอยู่ท่ามกลางแสงแดดอุ่นขอรับ"
เณรน้อยตอบ
"ผ้าห่ม ตอนที่วางอยู่ที่เตียง มันเย็นเฉียบ แต่เมื่อเรานำมันมาห่ม มันกลับอุ่นขึ้นทันที เจ้าคิดว่าผ้าห่มทำให้คนอุ่นหรือคนทำให้ผ้าห่มอุ่นล่ะ?"
ภิกษุชราเอ่ยถาม
เณรน้อยหัวเราะและตอบกลับไปว่า
"ท่านอาจารย์ ท่านนี่แสร้งถามผมแน่ๆ ผ้าห่มจะทำให้คนอุ่นได้อย่างไรกัน คนต่างหากที่ทำให้ผ้าห่มอุ่นนะขอรับ"
"ในเมื่อผ้าห่มให้ความอบอุ่นแก่เราไม่ได้ แถมเรายังต้องให้ความอบอุ่นแก่มัน แล้วเราจะห่มผ้าห่มไปทำไมกัน?"
เณรน้อยได้ฟังแล้วก็ครุ่นคิด
"แม้ผ้าห่มจะให้ความอบอุ่นแก่เราไม่ได้ แต่เพราะความหนาของผ้าห่มช่วยรักษาไออุ่นของตัวเราเอาไว้ได้ ทำให้เรารู้สึกอุ่นสบายภายใต้ผ้าห่มนั้นขอรับ"
เมื่อภิกษุชราได้ฟังก็ถึงกับหัวเราะออกมา
"ภิกษุอย่างพวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มหนาๆ ผืนนั้น และเวไนยใต้หล้านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับผ้าห่มผืนหนาผืนนั้น ขอเพียงผู้บำเพ็ญอย่างเรามีจิตใจใฝ่ในความดี ผ้าห่มที่หนาวเย็นก็จะได้รับไออุ่นจากพวกเรา จากนั้นผ้าห่มก็จะเป็นผู้รักษาไออุ่นไว้ เรานอนอยู่ใต้ผ้าห่มจึงทำให้เรารู้สึกอบอุ่น แล้วที่ว่าวัดของเราจะเจริญรุ่งเรือง เสียงระฆังที่อุบาสกอุบาสิกามาเคาะตีจะดังไม่ขาดสาย ยังจะเป็นเพียงแค่ความฝันอยู่อีกหรือเปล่า?"
เมื่อเณรน้อยได้ฟัง ก็แจ้งใจในทันที
พอถึงวันรุ่งขึ้น เณรน้อยก็ตื่นแต่เช้า และรีบลงเขาไปบิณฑบาต แม้จะพบกับคำเสียดสีและสีหน้าดูแคลนจากผู้คน แต่เณรน้อยก็ยังสำรวมกิริยาต่อผู้คนเหล่านั้น
ยี่สิบปีให้หลัง วัดแห่งนี้ก็ได้สร้างพระอารามใหญ่ขึ้นมาบนเนื้อที่ใหม่ ไกลจากวัดเดิมสิบกว่าลี้ มีพระภิกษุก่อเกิดขึ้นอีกมากมาย และมีอุบาสกอุกบาสิกาเข้ามาถวายธูปอย่างไม่ขาดสาย เณรน้อยรูปนี้ก็กลายเป็นเจ้าอาวาสแทนภิกษุชราที่มรณภาพไป...
เราทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้ ต่างก็ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผ้าห่มกันทั้งนั้น ผู้คนรอบข้างคือผ้าห่มผืนหนา และเมื่อใดที่เรามอบไออุ่นให้กับผ้าห่ม ผ้าห่มก็จะรักษาไออุ่นนั้นคืนให้กับเราเสมอ
............
Cr. Line Pichest Tritrakan
ป้ายกำกับ:
ธรรมทาน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น