สารณียธรรม ๖ (ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความให้ระลึกถึงกัน,ธรรมที่ทำให้เกิดความสามัคคี,หลักการอยู่ร่วมกัน)
๑.เมตตากายกรรม ตั้งเมตตากายกรรมในเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ ช่วยเหลือกิจธุระของผู้ร่วมหมู่คณะด้วยความเต็มใจ แสดงกิริยาอาการสุภาพ เคารพนับถือกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๒.เมตตาวจีกรรม ตั้งเมตตาวจีกรรมในเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งต่อหน้าหน้าและลับหลัง คือ ช่วยบอกแจ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ สั่งสอน แนะนำตักเตือนด้วยความหวังดี กล่าววาจาสุภาพ แสดงความเคารพนับถือกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๓.เมตตามโนกรรม ตั้งเมตตามโนกรรมในเพื่อนพรหมจรรย์ ตั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ ตั้งจิตปรารถนาดี คือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กัน มองกันในแง่ดี มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน
๔.สาธารณโภคิตา ได้ของสิ่งใดมาแบ่งปัน คือ เมื่อได้ของสิ่งใดมา แม้เป็นของเล็กน้อย ก็ไม่หวงไว้ผู้เดียว นำมาแบ่งปันเฉลี่ยเจือจาน ให้ได้มีส่วนร่วมใช้สอยบริโภคทั่วกัน
๕.สีลสามัญญตา มีศีลบริสุทธิ์เสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ มีความประพฤติสุจริตดีงาม ถูกต้องตามระเบียบวินัย ไม่ทำตนให้เป็นที่น่ารังเกียจของหมู่คณะ
๖.ทิฎฐิสามัญญตา มีทิฎฐิงามเสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ มีความเห็นชอบร่วมกัน ในข้อที่เป็นหลักการสำคัญอันจะนำไปสู่ความหลุดพ้น สิ้นทุกข์ หรือขจัดปัญหา
ธรรมทั้ง ๖ ประการนี้ มีคุณ คือ เป็น สารณียะ (ทำให้ระลึกถึงกัน) เป็น ปิยกรณ์ (ทำให้เป็นที่รัก) เป็น ครุกรณ์ (ทำให้เป็นที่เคารพ) เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์(ความประสานกลมกลืน) เพื่อความไม่วิวาท เพื่อความสามัคคี และเพื่อความ เอกีภาพ (ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน)
..........................
(จาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภาณ์ ( ป.อ. ปยุตฺโต))
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น