Cr.fwd.line
วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567
วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2567
ชีวิตหลังความตาย
ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่
.............................
#ถ้าเข้าถึงนิพพานสูงสุดจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
#ซึ่งแนวทางการปฏิบัติพระพุทธเจ้าตรัสรู้สอนไว้ก็มีอยู่
#นิพพานมีอยู่
#ทางปฏิบัติที่จะไปสู่นิพพานก็มีอยู่
#ผู้ชี้ทางบอกทางคือพระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้ก็มีอยู่
#ก็เหลือแต่ผู้ที่จะเดินทาง #ผู้ที่จะปฏิบัติตามคำสอนปฏิบัติตามแนวทาง
#ถ้าปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้าก็จะถึงนิพพานพ้นทุกข์
อย่างพระพุทธเจ้าถึงแล้ว เสด็จไปดีแล้ว ถึงนิพพานแล้ว
พระอรหันต์ทั้งหลายถึงนิพพานไปจำนวนมาก พ้นหมดแล้ว พ้นทุกข์หมดแล้ว
หรือถ้าเป็นอริยบุคคลชั้นรองลงมาจากพระอรหันต์เรียกว่าพระอนาคามี
ก็จะไม่เกิดในมนุสสโลก ไม่เกิดในชั้นเทวดา
จะเกิดในพรหมโลก
เรียกว่าเป็นโอปปาติกะ
แล้วก็ปรินิพพาน คือเป็นพระอรหันต์ที่นั่น
ถ้าเป็นสกทาคามี อริยบุคคลชั้นรองลงมา
ก็มาเกิดอีกครั้งเดียวก็เป็นพระอรหันต์
ถ้ารองลงมา อริยบุคคลชั้นต้นเรียกว่าโสดาบัน
ก็จะเวียนว่ายตายเกิดโดยทั่วไปก็ไม่เกิน ๗ ชาติ
ก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
แล้วก็ถึงแม้ว่ายังต้องเกิด ๗ ชาติ
ก็ไม่เกิดในนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานโดยเด็ดขาด
โสดาบันเกิดก็เกิดในมนุษย์ เทวดา
ปิดประตูอบายภูมิได้สนิท
เห็นไหมชีวิตที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดแบบนับไม่ถ้วนเหลือแค่ ๗ ชาติ
อริยบุคคลชั้นที่ ๑ โสดาบัน ได้เข้าไปถึงกระแสนิพพาน
แต่ว่ากิเลสยังตัดไม่หมดเกลี้ยง ยังมีเหลืออยู่
การเข้าถึงอย่างนี้ต้องปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้าที่พระองค์สอนไว้บอกไว้
คือต้องเจริญสติปัฏฐาน ๔ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน เจริญอริยมรรคมีองค์ ๘
ถ้าใครได้เจริญพากเพียรปฏิบัติก็จะมีโอกาสบรรลุธรรม
#ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายเป็นผู้หญิง
#เป็นพระเป็นฆราวาส
#เป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่
#ก็มีสิทธิที่จะเข้าถึงได้ถ้ามีความพากเพียรปฏิบัติ
๗ ขวบก็เป็นอริยบุคคลได้ เป็นพระอรหันต์ได้
ในสมัยพุทธกาลก็มีหลายท่าน
เป็นสามเณรอายุ ๗ ขวบ เป็นพระอรหันต์แล้ว
บวชอายุ ๗ ขวบ บางคนแค่โกนหัวเป็นพระอรหันต์
นางวิสาขาเป็นมหาอุบาสิกาที่เราได้ยินชื่อเสียง
ที่บำรุงอุปัฏฐากพุทธศาสนาไว้อย่างมาก
สละทรัพย์สร้างวัดบุพพาราม
เป็นอริยบุคคลโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่เราเคยได้ยินชื่อก็เป็นโสดาบัน
พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระราชา เป็นโสดาบันเหมือนกัน
พระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดาของพระพุทธเจ้าก็เป็นอริยบุคคล
ก่อนจะปรินิพพาน กำลังอาพาธประชวรหนัก
พระพุทธเจ้าก็เสด็จไปเยี่ยม แล้วก็ไปแสดงธรรมโปรด
ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ แล้วก็สวรรคต
หรือว่าไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พระมารดาไปเกิดเป็นเทวดาหรือเป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต
ฟังธรรมแล้วก็บรรลุเป็นอริยบุคคล
เทวดาก็บรรลุเป็นอริยบุคคลได้
#ถ้าเราปฏิบัติตามคำสอนพุทธศาสนาก็เหมือนว่าเราได้ตัดกรรมได้
#กรรมที่จะนำไปสู่นรกเปรตอสุรกายสัตว์เดรัจฉานเป็นอันว่าตัดขาด
#ถ้าบรรลุแค่โสดาปัตติมรรคเกิดขึ้นมา
#ตัดกรรมที่จะนำไปเกิดในอบายภูมิได้ขาดเลย
#กรรมที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับไม่ถ้วนเหลือแค่๗ชาติ
#ถ้าบรรลุถึงอรหัตตมรรคเมื่อไรก็เป็นอันว่าตัดหมด
#ตัดกิเลสตัดภพชาติทั้งหลาย
#ยังมีชีวิตอยู่ก็เพียงเสวยวิบากเก่า
ตอนมีชีวิตอยู่ยังต้องเสวย
อย่างพระองคุลิมาลที่เป็นมหาโจรฆ่าคนเป็นพัน
ถ้าไม่ได้พบพระพุทธเจ้า ต้องไปตกนรกหนักเลย ฆ่าคนเป็นพัน
พอบรรลุเป็นอริยบุคคลก็ปิดประตูอบายได้หมด
โดยสุดท้ายท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์
ท่านก็เสวยผลกรรมเฉพาะยังมีชีวิตอยู่
ไปบิณฑบาตเดี๋ยวโดนเขวี้ยง
เขาไม่ได้ตั้งใจก็โดน
คือบางทีเขาขว้างอะไรไปเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ
ก็มาลงที่ศีรษะของท่านเลือดอาบมาเรื่อย
ไปบิณฑบาต จีวงจีวรขาด เลือดอาบมา
พระพุทธเจ้าก็ปลอบใจว่า เธอต้องอดทน
เพราะว่าเธอทำบาปกรรมไว้
แต่ว่าใช้กรรมตอนนี้ เธอไม่ต้องไปใช้ในนรกอีก
ที่สุดท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์
พอท่านปรินิพพานก็เป็นอันว่าดับรอบ
ไม่มีขันธ์ ๕ ไปอุบัติบังเกิด
ก็ไม่ต้องไปเกิดแก่เจ็บตายอีก
ชีวิตหลังความตาย (ธรรมสุปฏิปันโน ๘)
.............................
ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
Cr.https://www.facebook.com/share/A4z7HiL69bdbx3EB/?mibextid=oFDknk
วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2567
วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2567
โภชเนมัตตัญญุตา
การศึกษาเริ่มต้น
เมื่อคนเริ่มรู้จักดำเนินชีวิตด้วยปัญญา
ลักษณะของคนมีการศึกษา คือ
เป็นผู้ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา
เพราะฉะนั้นการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาจึงเป็นเครื่องแสดงว่าคนผู้นั้นเริ่มมีการศึกษา
ถ้าใครไม่ดำเนินชีวิตด้วยปัญญาก็แสดงว่ายังไม่มีการศึกษา
การดำเนินชีวิตด้วยปัญญา
ต้องเริ่มฝึกกันตั้งแต่ในชีวิตประจำวัน เช่น การกิน การนอน การเล่น เป็นต้น
พูดสั้นๆ ว่า ให้ฝึกการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาเริ่มตั้งแต่การกินอยู่ประจำวัน
จะกินอาหารก็รู้จักกินด้วยปัญญา ถ้ามนุษย์รู้จักบริโภคปัจจัย 4
เริ่มแต่กินอาหารด้วยปัญญา การศึกษาก็เริ่มต้น
คือกินด้วยความรู้เข้าใจในวัตถุประสงค์ของการกินว่ากินเพื่ออะไร
ไม่ใช่กินแบบขาดสติหลงเพลินเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไปตามรสอร่อย
แต่มีความตระหนักรู้ว่ากินเพื่อบำรุงร่างกายให้เจริญเติบโต
กินเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง หรือกินเพื่อคุณภาพชีวิต
เมื่อกินด้วยความรู้เข้าใจมีปัญญาแล้ว
ความรู้หรือปัญญานั้นก็จะมาจำกัดขอบเขตของการกินให้พอดี ทั้งในแง่ปริมาณของอาหาร
และประเภทของอาหาร เพื่อให้การกินเกิดประโยชน์แก่ชีวิตมากที่สุด
นี้คือศีลที่เรียกว่า “โภชเนมัตตัญญุตา” แปลว่า ความรู้จักประมาณในการบริโภค คือรู้จักกินให้พอดี
การกินพอดี ซึ่งเป็นการกินด้วยปัญญา จะพ่วงมาด้วยด้วยท่าทีแห่งการมองอาหารในความหมายว่าเป็นปัจจัย การมองอาหาร มองสิ่งของเครื่องใช้ มองวัตถุ มองเทคโนโลยี มองเงินทอง และมองเศรษฐกิจเป็น ปัจจัย คือเป็นเครื่องเกื้อหนุนชีวิตที่ดีงาม ไม่ใช่มองเป็นจุดหมาย จะมีผลสืบเนื่องในเชิงสร้างสรรค์อีกหลายอย่างกว้างไกล อย่างน้อยก็จะเป็นการบริโภคที่มีความมั่นใจด้วยปัญญา คนที่บริโภคด้วยปัญญารู้ว่าตนทำถูกต้องตรงตามความจริงแล้วจึงมีความมั่นใจด้วยปัญญา และจะไม่หวั่นไหวต่อค่านิยมโก๋เก๋ ใครจะชอบไปกินอาหารปรุงแต่งอย่างไรก็รู้ทัน ไม่สนใจ เพราะตนเองมั่นคงด้วยปัญญา นี้คือการศึกษาได้เริ่มต้นแล้ว และเป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องการ
ปัจจุบัน
การกินอาหาร และการเสพบริโภคเทคโนโลยีต่างๆ ได้หวั่นไหวไปตามค่านิยม
ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง
ถูกเขาใช้เป็นเครื่องมือล่อเหยื่อหาผลประโยชน์กันได้เต็มที่
เพราะเป็นการบริโภคอย่างขาดปัญญา
*****
Cr.https://www.watnyanaves.net/en/book-reading/207/19
วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2567
Freedom
"Look into yourself and recognize the suffering in yourself. If you recognize, embrace, and transform your suffering and difficulties, then you are loving yourself. Based on that experience, you will succeed in helping another person to do the same, bringing a feeling of joy and happiness.
Letting go gives us freedom, and freedom is the only condition for happiness. The amount of happiness that you have depends on the amount of freedom you have in your heart."
- Thich Nhat Hanh
****
Cr.https://www.facebook.com/share/p/szLNcAjFf4KZgMtA/?mibextid=oFDknk
Peace of mind
Peace of mind is essential if there is to be peace in the world. When we're overwhelmed by anger we have no peace within, but when we're moved by love and compassion we do. The most important thing in today's world is how we connect with each other as human beings. We all want to live in a more peaceful world, but if we don't connect with each other there is no basis for peace. The more we care for others the greater will be our own sense of peace. Where there is less kindness in the world, there are more problems and peace is disturbed. Let's make kindness to others our #PeaceDayChallenge
Cr.facebook
ความสงบในใจเป็นสิ่งสำคัญหากต้องการให้โลกสงบสุข เมื่อเราถูกความโกรธครอบงำ เราก็จะไม่มีความสงบภายใน แต่เมื่อเราถูกความรักและความเมตตาเข้ามากระตุ้น เราก็จะมีความสงบ สิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกปัจจุบันคือวิธีที่เราเชื่อมต่อกันในฐานะมนุษย์ เราทุกคนต่างต้องการที่จะอยู่ในโลกที่สงบสุขมากขึ้น แต่หากเราไม่เชื่อมต่อกัน ก็ไม่มีพื้นฐานของความสงบสุข ยิ่งเราห่วงใยผู้อื่นมากเท่าไร ความสงบสุขของเราก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หากโลกมีความเมตตากรุณาน้อยลง ก็จะมีปัญหามากขึ้นและความสงบสุขก็จะถูกรบกวน มาทำให้ความเมตตากรุณาต่อผู้อื่นเป็นความท้าทายของเรา #PeaceDayChallenge กันเถอะ
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2567
Loving speech & deep listening
......
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567
How to relax
"Releasing any tension and bringing calm to your body is the first step in restoring wellness. You can’t heal your body if you don’t pay attention to it.
Bringing your mind home to your body, you become established in the here and the now. You have a chance to be aware, without judgment, of any pain, tension, or suffering in your body.
This is the beginning of healing."
~ Thích Nhất Hạnh
(How to Relax)
*****
Cr.https://www.facebook.com/share/p/kwxV1wuXngkpgGKh/?mibextid=oFDknk
*****
การปลดปล่อยความตึงเครียดและความสงบสุขให้กับร่างกายของคุณเป็นขั้นตอนแรกในการฟื้นฟูสุขภาพ คุณจะไม่สามารถรักษาร่างกายของคุณได้หากคุณไม่ใส่ใจมัน
เมื่อคุณนำจิตใจกลับมาที่ร่างกายของคุณแล้ว คุณจะตั้งมั่นอยู่กับปัจจุบัน คุณมีโอกาสที่จะรับรู้ความเจ็บปวด ความตึงเครียด หรือความทุกข์ทรมานใดๆ ในร่างกายของคุณโดยไม่ตัดสิน
นี่คือจุดเริ่มต้นของการรักษา”
~ ติช นัท ฮันห์
วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2567
Face of humanity
Face Of Humanity....
A man wanting to jump off a bridge in London was talked down by absolute strangers who proceeded to hold him for an hour until help arrived to get him down safely. Look at that grip. Look at the care, compassion, selflessness, and determination shown by complete strangers to a hurting human being.
We need more of this in the world.
*****
Cr.https://www.facebook.com/share/p/zTkjiVv6g83rigPk/?mibextid=oFDknk
*****
ใบหน้าของมนุษยชาติ....
ชายคนหนึ่งต้องการกระโดดลงมาจากสะพานในลอนดอน แต่ถูกคนแปลกหน้าพูดโน้มน้าว พวกเขาจึงจับเขาไว้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงจนกระทั่งความช่วยเหลือมาถึงและช่วยดึงเขาลงมาอย่างปลอดภัย ลองดูการจับนั้นสิ ดูความเอาใจใส่ ความเห็นอกเห็นใจ การเสียสละ และความมุ่งมั่นที่คนแปลกหน้าแสดงต่อมนุษย์ที่กำลังเจ็บปวด
โลกต้องการสิ่งนี้มากขึ้น
วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2567
Buddhism
Buddhism is more of a way of life than a religion. It is like a fruit. You may like a number of fruits, like bananas, oranges, mandarins, and so on. You are committed to eating these fruits.
But then someone tells you that there is a fruit called mango and it would be wonderful for you to try that fruit. It will be a pity if you don’t know what a mango is. But eating a mango does not require you to abandon your habit of eating oranges. Why not try it? You may like it a lot.
Buddhism is a kind of mango, you see—a way of life, an experience that is worth trying. It is open for everyone. You can continue to be a Jew or a Catholic while enjoying Buddhism. I think that’s a wonderful thing.
~ Thich Nhat Hanh
Cr.https://www.facebook.com/share/p/VQg9j6a4GveMfQkS/?mibextid=oFDknk
วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2567
Watering positive seeds
"If we allow negative seeds to be watered, they will become strong, and we will suffer and make the people around us suffer. When we love someone, we should have enough time to look into his consciousness, recognize the beautiful seeds in him, and practice watering them every day. Everyone has the seeds of joy and compassion, and if we know how to touch them, we transform them into energies that make us feel better, happier, more joyful, and more compassionate. The practice of watering seeds can bring results right away. One of the characteristics of the Dharma, the teachings of the Buddha, is that it is effective right here and right now.
"We know the other person has the seeds of joy and compassion in him. Suppose we talk to him in a way that touches those seeds in him. Half an hour later, he becomes a different person. This is possible. We also know that he has the seeds of sorrow, despair, and jealousy. So we refrain from watering those seeds, and we just recognize and water the positive seeds in him. In no time at all he becomes different, more pleasant, happier This is not only for his sake, but for our sake. We call this the practice of selective watering."
-Thich Nhat Hanh (Together We Are One)
*****
Cr.https://www.facebook.com/share/WoEduaZHc5Fi51Qd/?mibextid=oFDknk
*****
หากเรายอมให้เมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดีถูกรดน้ำ เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก็จะเข้มแข็งขึ้น และเราจะทุกข์ทรมานและทำให้คนรอบข้างต้องทุกข์ไปด้วย เมื่อเรารักใครสักคน เราควรมีเวลาเพียงพอที่จะมองเข้าไปในจิตสำนึกของเขา รับรู้ถึงเมล็ดพันธุ์ที่สวยงามในตัวเขา และฝึกฝนการรดน้ำทุกวัน ทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขและความเมตตา และหากเรารู้วิธีสัมผัสเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น เราก็จะเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นให้เป็นพลังงานที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น เบิกบานใจมากขึ้น และมีความเมตตามากขึ้น การฝึกฝนการรดน้ำเมล็ดพันธุ์สามารถนำมาซึ่งผลได้ทันที ลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของธรรมะหรือคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือ มีผลทันทีและทันที
“เรารู้ว่าคนอื่นมีเมล็ดพันธุ์แห่งความยินดีและความเมตตาในตัวเขา สมมติว่าเราพูดกับเขาในลักษณะที่สัมผัสเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นในตัวเขา ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาจะกลายเป็นคนละคน เรื่องนี้เป็นไปได้ เรายังรู้ด้วยว่าเขามีเมล็ดพันธุ์แห่งความเศร้าโศก ความสิ้นหวัง และความอิจฉาริษยา ดังนั้น เราจึงละเว้นจากการรดน้ำเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น และเราเพียงแค่รับรู้และรดน้ำเมล็ดพันธุ์เชิงบวกในตัวเขา ในเวลาไม่นาน เขาก็กลายเป็นคนละคน มีความสุขมากขึ้น นี่ไม่เพียงเพื่อตัวเขาเท่านั้น แต่เพื่อตัวเราด้วย เราเรียกสิ่งนี้ว่าการฝึกฝนการรดน้ำแบบเลือกจุด”
อริยสัจ
ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่
.............................
พระพุทธเจ้านั้นเป็นพระอรหันต์
ฉะนั้นคำสอนพระองค์ตรัสไว้เป็นสัจธรรมเป็นความจริง
ตรัสสิ่งใดแล้วเป็นความจริงอย่างนั้น
เรื่องทุกข์ อะไรที่เป็นทุกข์
อะไรเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
อะไรความดับทุกข์
อะไรเป็นข้อปฏิบัติความดับทุกข์
อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ
จะเป็นอย่างนั้น ไม่มีการผิดเพี้ยนเป็นอย่างอื่น
แม้กาลเวลาจะผ่านมาอย่างไร ๆ ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่
#เรามีโอกาสเป็นมนุษย์มาพบพุทธศาสนาถือว่าโชคดีมาก
#ที่เราไม่ไปฟังคำสอนในทางผิด
#พุทธศาสนาถือว่าสอนถูกที่สุดสมบูรณ์สูงสุด
#ผลเข้าถึงวิมุตติหลุดพ้น #เข้าถึงนิพพาน
การเข้าถึงนิพพาน เข้าถึงความดับทุกข์ ไม่มีที่อื่น ไม่มีในคำสอนที่อื่น ๆ
พระองค์ก็ยืนยันไว้
ตอนที่จะดับขันธปรินิพพาน
สุภัททปริพาชกนักบวชนอกศาสนาจะขอเข้าเฝ้าให้ได้
พระอานนท์ก็ห้ามไว้
อย่าเลย พระองค์ประชวรมากแล้ว
ใกล้จะดับขันธ์นิพพานแล้ว
อย่ารบกวนพระองค์เลย พระองค์เหนื่อยมากแล้ว
ตอนนี้ก็นั่งไม่ไหวแล้ว นอนอย่างเดียว
สุภัททปริพาชกก็อ้อนวอนขอจะเข้าเฝ้าให้ได้
อยากจะไปถามปัญหา
พระอานนท์ก็ห้ามไว้
พระพุCr.เจ้าได้ยินเสียงระหว่างพระอานนท์กับสุภัททะ
พระองค์ก็เลยตรัสให้พระสงฆ์มาบอก
ปล่อยเถอะ ให้เขาเข้ามาเถอะ
เขาจะได้มาถามปัญหาธรรมะ
ไม่เป็นการรบกวนตถาคต
นี่คือความกรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กำลังพระองค์อ่อนล้าเต็มทนแล้ว
ธาตุในกายที่จะแตกสลาย
ก็ยังมีกะใจที่จะสอน
ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สุภัททะพอได้รับอนุญาตก็เข้าไปถาม
ยกเอาพวกครูที่มีชื่อเสียงสมัยนั้นทั้ง ๖
ที่ประชาชนนับถือกันมากแข่งขันกัน
มีนิครนถนาฏบุตรบ้าง สัญชัยปริพาชก มักขลิโคสาลศาสดาจารย์
เขามีคนนับถือเยอะ
ถามว่าองค์ไหนตรัสรู้เป็นพระอรหันต์แล้วบ้าง
องค์ไหนยังไม่ได้ตรัสรู้บ้าง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
สุภัททะ ถ้าเช่นนั้นเธอจงตั้งใจฟัง เราจะกล่าว
#ที่ใดไม่มีการเจริญอริยมรรคมีองค์๘
#ที่นั้นจะไม่มีสมณะที่๑ที่๒ที่๓ที่๔
#ก็หมายถึงจะไม่มีอริยบุคคล #โสดาบัน #สกทาคามี #อนาคามี #พระอรหันต์ที่เข้าถึงนิพพาน
โสดาบันเข้าถึงนิพพานแล้ว รู้จักกระแส เข้าถึงกระแสแห่งพระนิพพาน
#ถ้าไม่มีการเจริญอริยมรรคมีองค์๘จะไม่มีการเข้าถึงความดับทุกข์ได้เลย
#แต่ในธรรมวินัยนี้มีการเจริญอริยมรรคมีองค์๘
#ฉะนั้นธรรมวินัยนี้มีอริยะที่๑ที่๒ที่๓ที่๔
นี่เป็นข้อยืนยันว่า
ไม่มีคำสอนที่อื่นที่จะสอนให้ถึงวิมุตติหลุดพ้นได้
แต่สอนไปสวรรค์ได้
สอนให้คนทำความดีมีเมตตากันรักกัน
อันนี้ไปสวรรค์
แต่จะให้ถึงขั้นวิมุตติหลุดพ้นเข้าถึงพระนิพพานไม่มีที่อื่น
มีเฉพาะในธรรมวินัยนี้
สมัยนั้นพระพุทธเจ้าใช้คำว่า “พระธรรมวินัย” คือพุทธศาสนา
เราเรียกกันปัจจุบัน “พุทธศาสนา”
#เราถือว่าโชคดีที่เราเกิดมาพบพุทธศาสนา
#ไม่อย่างนั้นเราอาจจะหลงผิดไปทำผิด
อาจจะไปฆ่าสัตว์บูชายัญโดยคิดว่านั่นคือบุญกุศลความดี
อย่างบางแห่ง ที่เนปาลฆ่ากันเป็นแสนเป็นประจำเป็นทุกปี
เอาควายมาตัดคอไม่ใช่ตัวสองตัว เป็นแสน
โดยเขาคิดว่านั่นคือเขาทำความดี
เขาไม่ได้คิดว่าทำบาป
เขาไม่ได้ฆ่าด้วยความโกรธแค้น
เขาไม่ได้ฆ่าเพื่อเอาเป็นอาหาร
แต่เขาฆ่าเพื่อบูชายัญ คือหมายถึงว่าบูชาเทพเจ้า
คิดว่าเป็นบุญ เป็นงานบุญของเขา
เป็นงานความดี เป็นงานความดียิ่งใหญ่ของเขา
มันไม่ใช่ชีวิตสองชีวิต เป็นแสน
นี่คือความเห็นผิด หลงผิด
ถ้าเราไม่มีบุญ
เราไปอยู่ในกลุ่มอย่างนั้น อยู่ในถิ่นฐานอย่างนั้น
เกิดมามีคนสอนแบบนั้น ๆ
มันก็จะพลอยเห็นผิดไป
เรามาอยู่ในพุทธศาสนา
เราเริ่มฟังมาตั้งแต่เด็กอะไรเป็นบาป
อย่าฆ่าสัตว์ เป็นบาป เราได้ยินมา
อย่าไปลักขโมยฉ้อโกงเขา
อย่าไปล่วงทำอย่างนั้นอย่างนี้
จะถูกสอนมา
ถึงแม้เราจะไม่ได้เรียนพุทธศาสนาโดยตรง
แต่มันก็ได้ยินได้ฟังมา ถูกหล่อหลอมมา
รู้จักบาป รู้จักบุญ
แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะมีความรู้ที่จะเอามาปฏิบัติ
จนกระทั่งหมดกิเลส ทำให้ดับทุกข์ให้ตัวเอง
แต่เราก็ได้รู้เรื่องบุญเรื่องบาป นรกสวรรค์ ได้ยินมา
แต่ถ้าเราเข้ามาแล้วเรามาศึกษาให้มากขึ้น
แล้วก็มาประพฤติปฏิบัติ
เราก็จะดับทุกข์ให้ตัวเองได้
ก็คือต้องมาสู่การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมที่จะดับทุกข์ โลกุตรธรรม
มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑
#โดยเฉพาะนิพพานเป็นที่ดับทุกข์จะเกิดขึ้นได้ต้องปฏิบัติธรรม
#คือการเจริญสติปัฏฐาน๔
เจริญการกำหนดพิจารณากายในกายอยู่เนือง ๆ
กำหนดพิจารณาเวทนาในเวทนาอยู่เนือง ๆ
กำหนดพิจารณาจิตในจิตอยู่เนือง ๆ
กำหนดพิจารณาธรรมในธรรมอยู่เนือง ๆ
ที่จะต้องหมั่นอบรมเจริญสติอยู่
ระลึกรู้กาย
ก็คือระลึกรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก
ระลึกรู้การยืน การเดิน การนั่ง การนอน
สรุปแล้วก็พยายามให้มีสติมาอยู่กับตัว
นั่งอยู่ ยืนอยู่ เดินอยู่
ตลอดทั้งการทำความรู้สึกในการคู้ เหยียด เคลื่อนไหว
ขณะเคี้ยว ขณะลิ้ม ขณะกลืน
ขณะคู้ เหยียด เคลื่อนไหว ระลึกรู้สึกตัวหมด
ใส่ใจมาที่กาย
ใส่ใจมาที่เวทนา สุข ทุกข์
บางครั้งกายรู้สึกเป็นสุข บางครั้งเป็นทุกข์
จิตใจบางครั้งสุข บางครั้งทุกข์
ระลึกรู้อยู่เรื่อย ๆ
จิตเป็นอย่างไร จิตรู้สึกอย่างไร
สภาพธรรมเป็นอย่างไร
ตลอดทั้งการเห็น การได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัส คิดนึก
ระลึกจนกระทั่งสติตั้งมั่น ไม่หลง ไม่ลืม ไม่เผลอ
ปัญญาก็จะทำงานประกอบ เห็นแจ้งในตัวเอง
ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าสังขารนี้ไม่เที่ยง
… ไม่เที่ยงจริง ๆ
กำหนดไปตรงไหนมันเปลี่ยนไป มันหมดไป
สังขารนี้เป็นทุกข์
… มันก็เป็นทุกข์จริง มันทนอยู่ตั้งอยู่ไม่ได้
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
… มันก็เป็นอนัตตาจริง มันบังคับไม่ได้
ว่างเปล่าจากความเป็นตัวเรา ตัวตนของเรา
สักแต่ว่าเป็นสิ่งหนึ่ง ๆ เป็นธรรมชาติ
มันจะเกิดปัญญารู้เห็นอย่างนี้
ที่ทำให้จิตของตัวเองเข้าถึงความสะอาดบริสุทธิ์ได้
ธรรมบรรยาย ร้อยกรองพระธรรมวินัย (ที่ระลึกงานทอดกฐินสามัคคี ๒๕๖๑)
.............................
ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
Cr.https://www.facebook.com/share/RjVFKaqJEGezR2DP/?mibextid=oFDknk
Cr
วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2567
วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2567
นรจ.รุ่น ๐๙ บริจาคเงินให้สมาคมศิษยฺ์เก่าชุมพลทหารเรือ
วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567
วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2567
Peace and Happiness
The greatest obstacles to inner peace are disturbing emotions such as anger and attachment, fear and suspicion, while love and compassion and a sense of universal responsibility are the sources of peace and happiness."
~ Dalai Lama XIV
Cr.https://www.facebook.com/share/p/iCjEu8rKLgb3fSb3/?mibextid=oFDknk
วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2567
วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2567
อยู่บ้านเจริญสติได้ไหม
ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่
.............................
#อยู่บ้านเจริญสติได้ไหม?
ฐานของสติมีไหม?
กายมีไหมอยู่บ้าน?
ที่ตั้งของสติคือกาย
กายยืน เดิน นั่ง นอน มีไหมอยู่ที่บ้าน?
กายลมหายใจมีไหม?
มี ก็เจริญสติได้ ระลึกรู้ได้
กายคู้ เหยียด เคลื่อนไหว มีไหมอยู่ที่บ้าน?
ก็มีอีก ก็เจริญสติไปได้
เวทนามีไหมอยู่ที่บ้าน?
เสวยความสุขบ้าง ทุกข์บ้าง เฉย ๆ บ้าง มีไหม?
กลับไปบ้านมีจิตอยู่ด้วยไหม?
จิตก็เป็นที่ตั้งของสติ
ระลึกรู้จิตใจ สภาวธรรมต่าง ๆ รูปธรรมนามธรรม
อยู่ที่บ้านก็มี
ไปทำงานหรืออยู่ที่ไหนก็มี
ให้ฝึกการเจริญสติขึ้นมา ระลึกรู้สึกตัวขึ้นมา
#ถามว่าใครเป็นผู้รู้สึกตัว? กายหรือจิต? #จิต
ฝึกให้จิตรู้สึกตัวขึ้นมา
พยายามทำ พยายามฝึกให้เป็น
#ถ้าเราฝึกความรู้สึกตัวที่จิตเป็น
#เราก็จะไปใช้กับชีวิตประจำวันได้
#เวลามองก็มีการรู้สึกตัวขึ้นมา
#มันก็จะกลายเป็นมองอย่างรู้สึกตัว
จะมีตาในด้วย
#ตาเนื้อก็มองเห็นภายนอก
#พอรู้สึกตัว #มันก็จะมีตาใน
#ตาในคือตาอะไร? #ตาใจ
#ใจมันมีตารับรู้กายรับรู้ใจได้ด้วย
#อย่างนี้มันก็จะไม่มองอย่างเตลิด
#ไม่มองแบบจิตล่องลอย
#ไม่มองอย่างลืมตัว
เพราะว่ามีตาใน รู้ตัวขึ้นมา รู้กายใจ
ใจเป็นอย่างไร ใจชอบ ใจชัง ใจเฉย ก็จะรู้ตัว
มันก็ดูแลจิตใจตัวเองให้อยู่ในความดี ให้อยู่ในจิตที่ดีได้
หรือจิตไม่ดีก็รู้ทัน ละ สละ ชำระออกไปได้
เวลาฟังก็ฟังอย่างรู้สึกตัวขึ้นมา
ต้องหัดทำ
ถ้าฟังอย่างไม่รู้สึกตัว มันก็จะไปตามสิ่งที่ฟัง
คิดนึกปรุงแต่งไปตามเรื่องตามราว
ลืมตัว ลืมกายลืมใจ
นี่ก็ขาดสติ
ใจเราก็จะหวั่นไหว ลุ่มหลง
ฉะนั้นเราต้องฝึก
เหมือนอย่างขณะนี้ฟังอยู่ขณะนี้
ลองหัดรู้สึกตัว รู้สึกกายรู้สึกใจขึ้นมา
ก็จะทำให้ใจรู้ตัว
รักษาใจไว้อย่างให้ใจดี ใจเป็นปกติ
หรือใจเผลอ ไม่ดี ก็รู้ทัน สละละวาง ชำระออกไป
เวลาที่เราไปเคลื่อนไหว เดินไปไหนมาไหน
กำลังทำอะไร ขยับกายทำกิจต่าง ๆ
ก็ให้รู้ตัวขึ้นมา รู้สึกกายรู้สึกใจ
นั่นคือการปฏิบัติ
ทำได้ไหม
ขณะที่เราทำงาน กวาดถู ล้างถ้วยล้างจาน
ล้างหน้าแปรงฟัน ขับถ่าย นุ่งห่มเสื้อผ้า
เดินไปไหนมาไหน
ก็ระลึกรู้สึกตัวควบคู่กันไป
เราก็จะเป็นคนที่มีสติ
จิตใจตั้งมั่น มั่นคง
ดูแลจิตใจของเราให้อยู่ในความดีงามได้เสมอ ๆ
ใจเผลอไปรักไปชัง เราก็จะรู้ตัว
ชำระสละละวางออกไปได้ง่ายถ้าเรารู้ตัวได้ไว
จิตมันเกิดความขัดเคืองใจเวลาเห็นเวลาได้ยิน เราก็จะรู้ทัน
พอรู้ทัน มันชำระ
โดยเฉพาะเราปล่อยวางเป็น
รู้สึกตัวแล้วก็ปล่อยวางเป็น มันจะคลายออกไป
ใจเราก็จะเบาขึ้น
ใจมันจะคลายจากความขัดเคืองใจ
ใจมันจะคลายจากความฟุ้งซ่าน
พอใจมันคลายมันเบา สมองก็คลาย มันก็หายเครียด
ฉะนั้นคนที่มีสติสัมปชัญญะมันก็มีความสุข
มีสุขภาพกายที่ดี สุขภาพใจที่ดี
ไม่เคร่งเครียด
พอจะเครียด รู้ตัวทัน ปล่อยวางละวาง มันก็คลายออก
ถ้าเรามีสติดูแลจิตไว้เนือง ๆ
จิตใจเราก็จะไม่ไหลไปคิดจนวุ่นวาย หรือเกิดความเศร้าหมอง เร่าร้อน วิตกกังวล
การปฏิบัติธรรมการเจริญสติมันช่วย
ช่วยเราดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขสงบร่มเย็นขึ้น
ประโยชน์ของการปฏิบัติกรรมฐาน
ธรรมบรรยายคอร์สสั้นกรกฎาคม ๒๕๖๗ (๒๑-๗-๖๗)
.............................
ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
Cr.https://www.facebook.com/share/z9hGbFzc5XNuicS4/?mibextid=oFDknk
ความรู้ใหม่
ทำบายพาส ด้วยการออกกำลังกาย
รักษาเส้นเลือดตีบโดยไม่ต้องทำบอลลูน
ความรู้ใหม่ จากคุณหมอ ที่ไปอบรม Anti Aging นะครับ
ปกติ เราจะมีเส้นเลือด ไปเลี้ยงหัวใจหลักๆ 3 เส้น (บางคนมี 4 เส้น แต่เป็นคนส่วนน้อย) เวลาหลอดเลือดหัวใจตีบ ก็คือ สามเส้นนี้แหละ แต่ที่หมอไม่ค่อยบอกคือ เรามีเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ที่ส่งไปเลี้ยงหัวใจอีก เต็มไปหมด
แต่เส้นเลือดฝอยเหล่านี้ มันจะเล็กเกินไป ที่จะเอาเลือดไปเลี้ยงหัวใจ ยกเว้นแต่ เรากระตุ้นให้เกิดเลือดไหลเวียน ไปทางเส้นเลือดฝอยเหล่านี้ ก็จะทำให้ขนาดเส้นเลือดโตขึ้นได้เป็น 5 เท่า ทำให้มันมีความสามารถ เพียงพอที่จะเอาไปเลี้ยงหัวใจได้ เราเรียกว่า natural bypass
เส้นเลือดฝอย ที่ขึ้นมาแทน เส้นเลือดหลัก ที่ตีบได้ เราเรียกว่า collateral vessel ที่ Harvard มีงานวิจัย โดยผู้ที่มีปัญหา เส้นเลือดตีบ แทนที่จะไปทำบอลลูน หรือ Bypass สามารถใช้วิธี กระตุ้นเลือด จากขาเข้าสู่หัวใจ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ เทคโนโลยีนี้เรียกว่า EECP (Enhanced External Counter Pu lsation) ต้องทำครั้งละ 1 ชม. อาทิตย์ละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 7 อาทิตย์ พบว่า ผู้ป่วยจะสามารถสร้าง natural bypass นี้ได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดเลย (ในไทย ก็มีเครื่องมือนี้นะ) แต่การกระตุ้นแบบนี้ เราสามารถทำเองได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ด้วยการวิ่งวันละ 30 นาที อาทิตย์ละ 150 นาที ก็คือ 5 วัน ถ้าเรามีเส้นเลือดตีบ ร่างกายจะสร้าง collateral vessel ได้ภายใน 2 อาทิตย์ ทั้งนี้คงต้องทำ ก่อนที่จะตีบ จนออกกำลังกายไม่ได้
รู้อย่างนี้แล้ว เดิมผมออกกำลังกาย แค่อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง คงต้องเปลี่ยนเป็น ออกอาทิตย์ละ 5 ครั้ง เพื่อสร้าง collateral vessel ไว้ใช้ เผื่อเส้นเลือดหัวใจหลัก เส้นไหนตีบตัน จะได้มีเส้นเลือดสำรองไว้ใช้ได้เลย มันคงเหมือนสร้าง สายใหม่ๆไว้เสมอ เผื่อสายเก่าๆ ตีบตัน
เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรื่อง เส้นเลือดที่หัวใจครับ เป็นกับทุกอวัยวะทั่วร่างกาย ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นผลดีกับอวัยวะ ที่มีเลือดผ่านมากๆ เช่น สมอง ตับ ไต ด้วยเช่นกัน สำหรับคนต้องการ สร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง การมีเส้นเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนปลาย ทำให้เรามีการสร้างกล้ามเนื้อ ที่ดีขึ้น
อีกสิ่งที่ดีมาก คือ การสร้างเส้นเลือด จากการออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะชนิด คาร์ดิโอ จะช่วยลดความเสี่ยงของ มะเร็ง เพราะจะนำ ออกซิเจน ที่มากพอ ไปยังส่วนเล็กๆ ของอวัยวะ อีกทั้งยังส่งเสริม การกำจัดพวกเซลล์ ที่กำลังจะเป็นมะเร็ง อีกทั้งเพิ่มการสร้าง เม็ดเลือดขาว ครับ
Cr.
https://www.salika.co/2019/07/13/eecp-knowledge-sharing/
วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567
ความอยู่รอดของเรา
Cr.https://youtu.be/7Z2XQdWXlB0?si=