ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่
.............................
#หลักของวิปัสสนาข้อที่๑
#ระลึกรู้สภาวธรรมที่กำลังปรากฏ
ระลึกรู้มาที่กาย
ถ้าในใจเห็นเป็นรูปร่าง หน้าตา รูปทรงความหมาย
มันยังเป็นบัญญัติ เป็นสมมติ
ต้องรู้ไปถึงความรู้สึก
ความไหว ความกระเพื่อม
แข็ง อ่อน ร้อน เย็น สุข ทุกข์
อันนี้ถึงจะเป็นตัวสภาวะ
ถ้ามันมีทั้งรูปร่าง มีทั้งความรู้สึก
มันก็จะมีสมมติบ้างปรมัตถ์บ้าง
บัญญัติ ปรมัตถ์
จนกระทั่งมันทิ้งสมมติ
ไม่มีรูปร่างในใจ มีแต่ความรู้สึก
ไม่มีภาษา ไม่มีรูปร่าง ไม่มีความหมาย
มีแต่ความรู้สึก
ก็คือเรียกว่าอยู่กับปรมัตถ์ล้วน ๆ ของจริงล้วน ๆ
บอกไม่ได้ว่านั่งอยู่ที่ไหน เป็นใคร
อย่าไปตกใจ
การบอกได้คือเอาสมมติเข้ามาเติม
อยู่กับสภาวะจริง ๆ มันจะไม่รู้เลยว่านั่งอยู่ตรงไหน เป็นใคร
แต่มีสภาวะอยู่
อย่างน้อยก็มีจิตใจ
มีจิต มีตรึก มีนึก มีความรู้สึกอยู่
ให้รู้ไปที่จิตใจอย่างนี้
#หลักวิปัสสนาข้อที่๒
#วางใจให้ถูกต้อง
วางใจที่ถูกต้อง คือวางใจอย่างไร?
วางใจเป็นกลาง
กลางของอะไร?
ทางซ้ายทางขวา ยินดียินร้าย
ซ้ายยินดี ขวายินร้าย
เป็นกลางก็คือ อยู่ระหว่างไม่ยินดีไม่ยินร้าย
กำหนดดูอะไรก็เฉย ๆ
วางเฉย ไม่ยินดียินร้าย
แนวทางที่ถูกต้องต้องเป็นอย่างนั้น
เจอฟุ้ง ก็รู้ฟุ้งเฉย ๆ ไม่ว่าอะไร
อย่าไปโกรธเกลียด อย่าไปไม่ชอบชิงชัง
เจอปวด ก็รู้ปวดเฉย ๆ ไม่ว่าอะไร
อย่าไปอยากให้มันหายหรือไปโกรธไปเกลียด
ดูอะไรให้วางใจเฉย ๆ
กำหนดลมหายใจก็วางใจเฉย ๆ
กำหนดการยืน เดิน นั่ง นอน ก็วางใจเฉย ๆ ไม่ยินดีร้ายด้วย
เจอเสียงหนวกหูมา ก็รู้เสียง
สักแต่ว่าได้ยิน ไม่ยินร้าย วางเฉย
เจอรสอาหารอร่อยก็วางเฉยหรือยินดี?
ยินดีก็เป็นโลภะ เป็นราคะ รสตัณหาอีก
ให้วางเฉย
เจอความสุขก็รู้ความสุข
เจอปีติ รู้ปีติเฉย ๆ
วางใจเป็นกลาง วางเฉยเป็นอย่างดี ไม่ยินดียินร้ายได้ไหม
ฝึกไป
ดูความฟุ้งอย่างวางเฉย
ดูความปวดอย่างวางเฉย
ในกรณีที่ปวด
จะฝึกจะวางใจอย่างไร? จะทำใจอย่างไร?
มันมีแบบประจัญบาน กับแบบชั้นเชิง
จะเอาอันไหน?
ประจัญบานก็ปวดตรงไหนก็ดูไปตรงนั้น
ดูปวดในปวด
ในปวดมันจะมีแรง มีค่อย
แต่มันจะทรมานเยอะ
เอาจิตเข้าไปดู มันจะเสวยอารมณ์นั้นมาก
มันก็จะปวดมาก
แต่อาศัยทน ดูความเปลี่ยนแปลงในนั้น
นั่งไปเป็นชั่วโมง ๆ ก็หายปวด
แต่มันจะผ่านทารุณเยอะ
ก็ดับได้
ตอนหลังก็เจอปวดอื่น ๆ ก็เรื่องเล็กแล้ว
เพราะมันเจอปวดใหญ่
มันจะเจ็บตัวเยอะ
บางทีก็บาดเจ็บ
วิธีที่ ๒ ก็คือชั้นเชิง
ไม่ไปเพ่งความปวด
แต่ไประลึกรู้อย่างอื่น
ไปดูลมหายใจเข้าออก
ไประลึกรู้ดูจิตใจ
โดยเฉพาะกำหนดดูใจ แล้ววางเฉย
ฝึกจิตให้วางเฉย
ปวดแล้วทำใจเฉย ๆ ได้ไหม?
เป็นไปได้ไหมที่ขาปวด แต่ใจเฉย?
โยมว่ามันเป็นไปได้ไหม?
ถ้าเชื่อว่าเป็นไปได้ก็ลองฝึกไป
เราก็คนหนึ่งเหมือนกัน
ต้องคิดอย่างนั้น
มันเป็นได้ก็ฝึกได้ เราก็คนหนึ่ง
ปวดไม่ต้องไปสนใจมัน ไม่ต้องไประแวงระวัง
ปล่อยมัน
สอนใจ
ปวดไม่ใช่เรา ปวดไม่ใช่เรา ปล่อย
ดูใจ รักษาใจ วางเฉย ปล่อยวาง วางเฉย
ฝึกแล้วฝึกอีก ใจมันก็จะมีโอกาสวางเฉยเป็น
แล้วก็จะเห็น เกิดปัญญารู้เห็นว่า
ความปวด … กับจิตใจที่รู้ปวด … เป็นคนละอย่างกัน
มันเห็นปวดเป็นอย่างหนึ่ง จิตใจเป็นอย่างหนึ่ง
นี่เป็นวิปัสสนาญาณขั้นที่ ๑ แยกสภาวะ
ฝึกสูงขึ้นไป
เห็นปวดไม่เที่ยง ปวดไม่ใช่ตัวเราของเรา
จิตใจไม่เที่ยง จิตใจไม่ใช่ตัวเรา
มันก็เป็นญาณปัญญาวิปัสสนาสูงขึ้นด้วย
เพราะฉะนั้นต้องฝึก
#หลักวิปัสสนาข้อที่๓
#พิจารณาตามความเป็นจริง
กำหนดดูอะไร ก็สังเกตพิจารณาดูว่า
มันเปลี่ยนแปลงไหม มันหมดไปดับไปไหม
เปลี่ยนแปลงก็คืออนิจจัง ไม่เที่ยง เปลี่ยนตลอด
ทุกขัง เป็นทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้ เกิดดับ
อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวตน
ก็จะเป็นญาณปัญญาของวิปัสสนา
วิปัสสนาจะเห็นอย่างนี้
จะเข้าไปรู้เห็นถึงความไม่เที่ยง
ความเปลี่ยนแปลงเกิดดับ
ความไม่ใช่ตัวเราของเรา
เป็นปัญญารู้เห็นอย่างนี้
ถ้ารู้เห็นอย่างนี้มาก ๆ ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย
เมื่อเบื่อหน่าย จิตก็คลายกำหนัด
เมื่อคลายกำหนัด จิตก็หลุดพ้น
วิปัสสนาต้องมีญาณรู้เห็น
ปัญญาที่รู้เห็นแจ้ง ก็คือรู้เห็นตามความเป็นจริง
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
ถ่ายทอดสด พระธรรมเทศนา
คอร์สกรรมฐานสั้นเทศกาลปีใหม่ (๒๙-๑๒-๖๖)
.............................
ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
******
Cr.https://www.facebook.com/100050180992815/posts/pfbid0qAEKGnJ3SWMikp3aYngcoN4DJtMXmXE4EtjFPWVVzZe1P1rtiJ68Bbo91ynHNkmtl/?mibextid=UyTHkb
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น