วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ประเทศไทย...แย่ที่สุดในโลก????!!!!!

 ประเทศไทย.....แย่ที่สุดในโลก????!!!!

แค่พอก็ดี

 เมื่อก่อนอยากรวย แต่เดี๋ยวนี้แค่มีเงินใช้ทุกวัน ไม่มีหนี้ก็พอ 


เมื่อก่อนอยากมีตำแหน่งสูงๆ แต่เดี๋ยวนี้แค่มีงานให้ทำก็พอ 


เมื่อก่อนอยากกินหรูๆ อาหารอร่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้แค่มีกินทุกมื้อก็พอ 


เมื่อก่อนอยากเอาชนะทุกคน แต่เดี๋ยวนี้แค่ทำอะไรให้สำเร็จได้ก็พอ 


เมื่อก่อนอยากอวดคนอื่นๆ แต่เดี๋ยวนี้แค่ผ่านไปได้แต่ละวันก็พอ 


เมื่อก่อนอยากมีบ้านใหญ่ๆ สวยๆ แต่เดี๋ยวนี้แค่มีที่นอนสบายๆ ก็พอ 


เมื่อก่อนอยากไปท่องเที่ยวที่ไกลๆ หรูๆ อยู่สบายๆ แต่เดี๋ยวนี้แค่ได้ออกไปสวนสาธารณะใกล้บ้านก็พอ 


เมื่อก่อนอยากให้คนชื่นชม นับหน้าถือตา แต่เดี๋ยวนี้แค่มีคนจำได้ก็พอ 


เมื่อก่อนอยากมีฝันสวยหรู ดูดี มีอนาคต แต่เดี๋ยวนี้แค่ตื่นได้ทุกเช้าพร้อมลมหายใจก็พอ 


เมื่อก่อนอยากมีบริวาร มีลูกน้อง แต่เดี๋ยวนี้แค่มีอวัยวะครบและใช้งานได้ครบก็พอ 


เมื่อก่อนอยากมีรถเก่งหรูๆ สมรรถนะดีๆ แต่เดี๋ยวนี้แค่ยังเดินทางไปมาได้ก็พอ 


เมื่อก่อนอยากมีลูกเรียนหนังสือเก่งๆ แต่เดี๋ยวนี้แค่เขาเป็นคนดีของสังคมก็พอ 


เมื่อก่อนอยากมีที่ดินแปลงใหญ่ๆ แต่เดี๋ยวนี้แค่มีกระถางต้นไม้อยู่แค่ในระเบียงก็พอ 


เมื่อชีวิตคนเรามาถึงจุดสูงสุดของชีวิต ความเหนื่อยล้าจากความอยากที่เกินพอดี มันทำให้เราเครียดและกดดันตนเองให้มีให้เป็นไปตามความอยาก 


แต่แท้ที่จริงแล้ว ทุกอย่างแค่พอก็ดีแล้ว 


Sinchai Kong Thiensiri

Fwd line

*****

Cr. Fwd line

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563

สันโดษ

พระเทพพัชรญาณมุณี(ฌอน ชิเวอร์ตัน ชยสาโร)


Cr.https://youtu.be/uOUJ-sIXhuE











 

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2563

มานะ

 


ในภาษาบาลีมานะแปลว่าความถือตัว ไม่เกี่ยวกับความขยัน เป็นหนึ่งในกิเลสที่มีความละเอียดซับซ้อนมากที่สุด มากขนาดที่ว่ามานะในบางรูปแบบคนทั่วไปอาจมองว่าเป็นคุณธรรม คำว่ามานะนั้น ตามรากศัพท์มาจากการวัด ความถือตัวเกิดขึ้นเมื่อเราสำคัญตัวด้วยการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น อรรถกถามีการอุปมาการถือตัวเป็นดุจการชูธงขึ้นสูง โดยที่ธงนั้นคือความสำคัญตัวสำคัญตนของเราเอง
ความถือตัวมี ๓ ประการ ได้แก่
๑. ความถือตัวว่าเราดีกว่าเขา : เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นในด้านเชื้อชาติ สัญชาติ ชาติตระกูล ทรัพย์สิน อำนาจ สถานะ รูปลักษณ์ทางกาย สติปัญญา ศีลธรรม การภาวนา และอื่นๆ โดยเชื่อว่า ‘เราดีกว่าเขา’
๒. ความถือตัวว่าเราด้อยกว่าเขา : เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นบนพื้นฐานต่างๆ เช่นเดียวกัน โดยเชื่อว่า ‘เราด้อยกว่าเขา’ ความถือตัวประเภทนี้มักมีการเข้าใจสับสนกับความอ่อนน้อมถ่อมตน
๓. ความถือตัวว่าเราเสมอกับเขา : เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นบนพื้นฐานต่างๆ เช่นเดียวกัน โดยเชื่อว่า ‘เราเสมอกับเขา’ ความถือตัวประเภทนี้มักมีการยกย่องว่าเป็นตัวแก้ไขปัญหาที่เกิดเพราะมานะสองประการแรก
ในทางพุทธศาสนา ความถือตัวทั้ง ๓ ประการนี้นับว่าเป็นอุปสรรคต่อการเจริญปัญญาทั้งนั้น เพราะการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นบนพื้นฐานเหล่านี้ เป็นการส่งเสริมมายาสำนึกว่ามี ‘เรา’ ซึ่งเป็นตัวเป็นตนที่เที่ยงแท้ถาวร เป็นอิสระจากเหตุปัจจัย ความคิดที่เป็นมายาเรื่องตัวตนนี่เองที่พระพุทธองค์ทรงแสดงให้เห็นว่าเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งมวล
ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ศิษย์ทีมสื่อดิจิทัลฯ

***************

Cr.https://www.facebook.com/jayasaro.panyaprateep.org/posts/3253755144733149

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563

พ่อของแผ่นดิน

 


๑๓ ตุลาคม 
วันที่ระลึกวันสวรรคต
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนารถบพิตร


********************



***********






วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ธรรมทั้งหลายไหลมาแต่เหตุ (คลิป)

 


"พระพุทธองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า

ปัจจัยสำคัญที่เป็นต้นเหตุของ "อวิชชา" คือ

การไม่คบ สัตบุรุษ การขาดกัลยาณมิตรที่ชักจูงให้ได้ยินได้ฟัง

คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

ที่จะทำให้เป็นผู้มีศรัทธา เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ มีปัญญา

และพระองค์ยังชี้ให้เห็นโทษของการขาด สติสัมปชัญญะ

ขาดการสำรวมระวังกายใจ

ที่ทำให้เกิดการประพฤติทุจริตทางกาย วาจา ใจ

อันเป็นปัจจัยสำคัญของ "อวิชชา" ...."

*************

(พระภาวนาเขมคุณ วิ. (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี))





วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ธรรมะวันละนิด ๒๑

ธรรมทาน


**************





สภาวะนิพพาน (คลิป)


 cr.https://www.facebook.com/duenjitpage/posts/1649974915163722



โอวาท (คลิป)


ธรรมบรรยาย MP3 ชุดที่ ๑
โดย
พระภาวนาเขมคุณ วิ.
หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา
*************



 

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ข้าวเปล่าถ้วยหนึ่ง


 ขอข้าวเปล่าถ้วยนึง

ค่ำวันหนึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งท่าทางเหมือนนักศึกษากำลัง

ลังเลอยู่หน้าร้านบุฟเฟต์แห่งหนึ่ง เมื่อลูกค้าส่วนมากออกจากร้านแล้ว เขา

จึงเดินเข้าร้านมาด้วยอาการเขินอาย

“ขอข้าวเปล่าถ้วยนึง ขอบคุณครับ ” 

เด็กหนุ่มก้มหน้าพูด

เจ้าของร้านบุฟเฟต์เพิ่งเปิดใหม่เป็นเถ้าแก่หนุ่มสาวคู่หนึ่ง เห็นเด็กหนุ่มไม่

เอากับข้าวก็รู้สึกสะท้อนใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขารีบตักข้าวพูนถ้วยส่งให้

กับเด็กหนุ่มคนนั้น เด็กหนุ่มจ่ายเงินพร้อมกับพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า

“ผมขอน้ำแกงราดบนข้าวสักหน่อยได้ไหมครับ?”

“ตามสบายเลยค่ะ ไม่คิดตังค์” 

เถ้าแก่เนี้ยพูด

เขากินไปได้ครึ่งถ้วย ก็สั่งอีกถ้วยหนึ่ง

“ไม่อิ่มใช่ไหม? ถ้วยนี้เดี๋ยวผมตักให้คุณมากหน่อย” 

เถ้าแก่พูดด้วยความเอาใจใส่

“ไม่ใช่ครับ ผมเอาใส่กล่อง พรุ่งนี้จะเอาไปกินที่มหาลัยนะครับ”

เมื่อเถ้าแก่ได้ยิน ก็เดาออกว่า เด็กหนุ่มคนนี้คงมาจากต่างจังหวัดในเขต

ภาคใต้เป็นแน่ ฐานะที่บ้านคงไม่สู้จะดีนัก เขาคงมาเรียนที่ไทเปคนเดียว 

และคงจะทำงานและก็เรียนไปด้วย ดูก็รู้ว่าเด็กคนนี้คงจะลำบากอยู่ไม่น้อย

เขาจึงตักโร่วจ้าว (เนื้อเคี่ยวซอสสำหรับราดบนข้าว) ใส่ไว้ที่ใต้กล่องข้าว 

จากนั้นก็เอาไข่ตุ๋นชาใส่ไปหนึ่งฟอง จากนั้นจึงตักข้าวอัดไปเต็มกล่อง มอง

ดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในกล่องข้าว นอกเสียจากข้าวเปล่า

เมื่อภรรยาของเขาเห็นดังนั้น ก็เข้าใจในสิ่งที่สามีกำลังทำว่าต้องการช่วย

เหลือเด็กหนุ่มคนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ราดโร่วจ้าวไว้บนข้าว จะใส่ไว้

ใต้ข้าวทำไม?

เถ้าแก่กระซิบบอกภรรยาว่า 

“เด็กผู้ชายรักศักดิ์ศรี หากเขาเห็นว่าบนข้าวมีโร่วจ้าว เขาอาจคิดว่าเราทำ

ทานแก่เขา หากเป็นอย่างนี้ คราวหน้าเขาจะไม่กล้ามาอีก ถ้าเขาไปกินร้าน

อื่นก็ได้กินแต่ข้าวเปล่า แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปเรียนหนังสือ !”

“คุณเป็นคนดีจริงๆ จะช่วยเขายังกลัวเขาอายอีก”

“หากผมไม่ดี คุณจะแต่งงานกับผมเหรอ! ” 

เถ้าแก่หนุ่มหยอกเย้าผู้เป็นภรรยา

“ขอบคุณครับ ผมอิ่มแล้ว แล้วเจอกันใหม่ครับ” 

เด็กหนุ่มพูดจบก็หยิบข้าวกล่องแล้วเดินออกจากร้านไป

เมื่อเด็กหนุ่มถือข้าวกล่องที่ดูหนักกว่าข้าวเปล่าออกจากร้านไป ก็หันมายิ้ม

ให้เจ้าของร้านทั้งสอง

“สู้ๆนะ พรุ่งนี้พบกันใหม่” 

เถ้าแก่พูดและโบกมือให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น ในคำพูดประโยคนั้นของเขา

แฝงด้วยคำเชิญให้เด็กหนุ่มมากินข้าวที่นี่ใหม่ในวันพรุ่งนี้

เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ ไม่กล้าหันไปมองเจ้าของร้าน กลัวว่าน้ำตาจะร่วงให้

เขาทั้งสองเห็น

จากนั้นเป็นต้นมา นอกจากว่าเป็นช่วงปิดเทอม พลบค่ำของทุกวันเด็กหนุ่ม

ก็จะมากินข้าวที่ร้าน เขาสั่งข้าวเปล่าหนึ่งถ้วยและข้าวเปล่าหนึ่งกล่องเอา

กลับบ้าน และใต้กล่องข้าวก็จะมีอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน จนเด็ก

หนุ่มเรียนจบปริญญาตรี

ผ่านมา 20 ปีแล้ว ที่ร้านบุฟเฟต์แห่งนี้ไม่ได้ต้อนรับลูกค้าคนพิเศษคนนี้อีก

เลย อยู่ๆทางการก็ส่งจดหมายมาบอกว่าจะทำการเวนคืนที่ และร้านของ

เขาก็เป็นหนึ่งในนั้น สองสามีภรรยาอายุใกล้จะ 50 ปี เมื่อรู้ข่าวนี้ต่างก็กลัด 

กลุ้มใจ ชีวิตต่อไปข้างหน้าจะทำอย่างไร เงินทองที่จะได้จากทางการก็ไม่

เพียงพอกับการจัดซื้อบ้านที่มีทำเลดีอย่างนี้ได้อีก แล้วลูกๆที่กำลังเรียนอยู่

จะหาค่าเทอมมาจากไหน? ต่างก็กอดกันร้องไห้ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตอย่าง

ไรดี

เช้าวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งแต่งกายภูมิฐานเข้ามาหาสองสามีภรรยา

“สวัสดีครับคุณทั้งสอง ผมเป็นรองผู้จัดการบริษัท... ผู้จัดการใหญ่ของเรา

ต้องการให้คุณเข้าไปทำร้านอาหารบุฟเฟต์ในบริษัทของเรา ที่กำลังจะทำ

การเปิดใหม่ในเร็วๆนี้ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง และอุปกรณ์

ต่างๆ ค่าวัสดุในการทำอาหาร ทางเราจะเป็นผู้รับผิดชอบ ขอเพียงคุณจัด

หากุ๊กปรุงอาหารและบริหารงานก็พอ ส่วนกำไรแบ่งครึ่งกับบริษัทของเรา”

ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงดีกับเราอย่างนี้? เราไม่

เคยรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมเลยสักคนเดียว? สองสามีภรรยาต่างทำหน้า

งงๆ

“คุณทั้งสองเป็นผู้มีพระคุณของผู้จัดการใหญ่ของเรา ท่านบอกว่าท่านชอบ

กินไข่ตุ๋นชาและโร่วจ้าวของร้านคุณมาก รายละเอียดผมทราบเพียงแค่นี้ 

นอกเหนือจากนี้คุณคงจะทราบได้เองเมื่อได้เจอกับผู้จัดการใหญ่ของเรา”

เมื่อเดินทางไปถึงบริษัท สองสามีภรรยาจึงรู้ว่า ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทนี้ก็

คือเด็กหนุ่มที่มากินข้าวเปล่ายามพลบค่ำทุกวันนั่นเอง หลังจากจบมหาวิท

ยาลัย เขาก็มุมานะสร้างเนื้อสร้างตัวจนสามารถเปิดบริษัทแห่งนี้ได้ เขาสำ

นึกบุญคุณข้าวเปล่าที่สองสามีภรรยาให้เขากิน ตลอดเวลาที่เรียนมหาวิท

ยาลัย หากไม่มีสองสามีภรรยาช่วยเหลือเขาในตอนนั้น เขาคงลำบากและ

ไม่สามารถเรียนจนจบได้

เรื่องราวก่อนเก่าแต่หนหลังถูกรื้อฟื้นขึ้นในวงสนทนาเคล้าเสียงหัวเราะและ

น้ำตา เมื่อถึงเวลาที่สองสามีภรรยาจะลากลับ ชายหนุ่มยืนขึ้นโค้งคำนับ

พร้อมกับพูดว่า

“สู้ๆนะครับ ต่อไปนี้บริษัทของเราต้องพึ่งพาคุณแล้วนะ พรุ่งนี้พบกันใหม่”

ความรักที่ให้ออกไป ความรักก็จะย้อนกลับคืนมา

ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขก็จะย้อนกลับคืนมา

คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ

นี่คือเหตุและผล นี่คือกฏเกณฑ์

เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบ ท่านมี 2 ทางเลือก

1. ท่านเผยแพร่ออกไปเต็มความสามารถ ทำให้โลกนี้มีความรักเพิ่มขึ้น

2. ท่านสามารถไม่สนใจ เสมือนหนึ่งท่านไม่เคยเห็นมันเลย

การแบ่งปันเล็กๆ ของท่าน อาจสามารถส่องสว่างให้แก่ชีวิตคนมากมาย คน

มีความฝันจึงทำให้ยิ่งใหญ่ การกระทำยิ่งทำให้ประสบความสำเร็จ การเรียนรู้

ของท่านทำให้ท่านเปลี่ยนแปลง

ขอให้ท่านกระจายความรักของท่าน จะช่วยให้คนส่วนมากเติบใหญ่ขึ้น 

ขอบคุณการสนับสนุนของท่าน ข้าพเจ้าได้เลือกทำข้อที่ 1 แล้ว

****

Cr.https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=696964627105392&id=100003755829709

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ต้องมุ่งสู่ทางพ้นทุกข์ ๒ (คลิป)

 


ธรรมบรรยาย MP3 ชุดที่ ๑
โดย
พระภาวนาเขมคุณ วิ.
หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
*********




ต้องมุ่งสู่ทางพ้นทุกข์ (คลิป)

 


ธรรมบรรยาย MP3 ชุดที่ ๑ 
โดย
พระภาวนาเขมคุณ วิ.
หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
********



วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2563

กำหนดรู้ทุกข์ (คลิป)

 


ธรรมบรรยาย MP3 ชุดที่ ๑ โดย พระภาวนาเขมคุณ วิ. หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
****************


วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563

สังโยช (คลิป)


ธรรมบรรยาย MP3 ชุดที่ ๑
โดย
พระภาวนาเขมคุณ วิ.
หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา
************