ปฏิบัตติปุจฉาวิสัชนา
*********************
ก.ถามว่า ผู้ปฏิบัติศาสนาโดยมากปฏิบัติอยู่แค่ใหน?
ข.ตอบว่า ปฏิบัติอยู่ภูมิกามาพจรกุศลโดยมาก
ก.ถามว่า ทำไมปฏิบัติอยู่เพียงนั้น?
ข.ตอบว่า อัธยาศัยของคนโดยมากยังกำหนัดอยู่ในกาม เห็นว่ากามารมณ์ที่ดีเป็นสุข ส่วนที่ไม่ดีเห็นว่าเป็นทุกข์ จึงได้ปฏิบัติในบุญกิริยาวัตถุ มีการฟังธรรมให้ทาน รักษาศีล เป็นต้น หรือภาวนาบ้างเล็กน้อย เพราะความมุ่งเพื่อจะได้สวรรค์สมบัติ มนุษย์สมบัติ เป็นต้น ก็คงเป็นภูมิกามาพจรกุศลอยู่นั่นเอง เบื้องหน้าแต่กายแตกตายไปแล้วย่อมถึงสุคติบ้าง ไม่ถึงบ้าง แล้วแต่วิบากจะจัดไป เพราะไม่ใช่นิตยบุคคล คือยังไม่ปิดอบาย เพราะยังไม่บรรลุโสตปัตติผล
..ฯลฯ..
(จากหนังสือ ปฏิปัตติปุจฉาวิสัจชนา ปุจฉา:พระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธโล) วิสัชนา:พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ)
ก.ถามว่า ก็ท่านผู้ปฏิบัติที่ดีกว่านี้ไม่มีหรือ
ตอบลบข.ตอบว่า มี แต่ว่าน้อย
ก.ถามว่า น้อยเพราะเหตุอะไร?
ข.ตอบว่า น้อยเพราะว่ากามทั้งหลายเท่ากับเลือดในอกของสัตว์ ยากที่จะละความยินดีในกามได้ เพราะการปฏิบัติธรรมละเอียด ต้องอาศัยกายวิเวก จิตวิเวก จึงจะเป็นไปเพื่ออุปธิวิเวก เพราะเหตุนี้แลจึงทำได้วยยาก แต่ไม่เหลือวิสัย ต้องเป็นผู้เห็นทุกข์จริงๆ จึงจะปฏิบัติได้
(จากหนังสือ ปฏิปัตติปุจฉาวิสัจชนา ปุจฉา:พระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธโล) วิสัชนา:พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ)
ก.ถามว่า ถ้าปฏิบัติเพียงภูมิกามาพจรกุศล ดูไม่แปลกอะไร เพราะเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นภูมิกามาพจรกุศลอยู่แล้ว ส่วนการปฏิบัติจะให้ดีกว่าเก่าก็ต้องให้เลื่อนชั้น เป็นภูมิรูปวจร หรืออรูปวจร แลโลกอุดร จะได้แปลกจากเก่า?
ตอบลบข.ตอบว่า ถูกแล้ว ถ้าคิดดูคนนอกพุทธกาล ท่านได้บรรลุฌานชั้นสูงๆ ก็มี คนในพุทธกาลท่านก็ได้บรรลุมรรคแลผล มีพระโสดาบันแลพระอรหันต์โดยมาก นี่เราก็ไม่ได้บรรลุญานเป็นอันสู้คนนอกพุทธกาลไม่ได้ แลไม่ได้บรรลุมรรคแลผลเป็นอันสู้คนในพุทธกาลไม่ได้
(จากหนังสือ ปฏิปัตติปุจฉาวิสัจชนา ปุจฉา:พระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธโล) วิสัชนา:พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ)
ก.ถามว่า เมื่อเป็นเช่นนี้จักทำอย่างไรดี?
ตอบลบข.ตอบว่า ต้องทำในใจให้เห็นในพุทธภาษิตที่ว่า มตฺตาสุขปริจฺ จาคา ปสฺเส เจ วิปุสํ สุขํ ถ้าว่าบุคคลเห็นซึ่งสุขอันไพบูลย์ เพราะบริจาคซึ่งสุขมีประมาณน้อยเสียไซร้ จเช มตฺตาสุขํ ธีโร สมฺปสสฺสํ วิปุสํ สุขํ บุคคลผู้มีปัญญาเครื่องทรงไว้ เมื่อเล็งเห็นสุขอันไพบูลย์ พึงละเสียซึ่งสุขมีประมาณน้อย
(จากหนังสือ ปฏิปัตติปุจฉาวิสัจชนา ปุจฉา:พระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธโล) วิสัชนา:พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ)
ก.ถามว่า สุขมีประมาณน้อยได้แก่สุขชนิดไหน?
ตอบลบข.คอบว่า ได้แก่สุขที่เกิดแต่ความยินดีในกาม ที่เรียกว่า อามิสสุข นี่แหละสุขมีประมาณน้อย
(จากหนังสือ ปฏิปัตติปุจฉาวิสัจชนา ปุจฉา:พระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธโล) วิสัชนา:พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ)
ก.ถามว่า สุขอันไพบูลย์ได้แก่สุขชนิดไหน?
ตอบลบข.ตอบว่า ได้แก่ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล นิพาน ที่เรียกว่า นิรามิสสุข ไม่เจือด้วยกาม นี่แหละสุขอันไพบูลย์
(จากหนังสือ ปฏิปัตติปุจฉาวิสัจชนา ปุจฉา:พระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธโล) วิสัชนา:พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ)
ก.ถามว่า จะปฏิบัติให้ถึงสุขอันไพบูลย์จะดำเนินทางไหนดี?
ตอบลบข.ตอบว่า ก็ต้องดำเนินทางองค์มรรค ๘
ก.ถามว่า องค์มรรค ๘ ใครๆก็รู้ ทำไมจึงเดินกันไม่ค่อยถูก
ข.ตอบว่า เพราะองค์ ๘ ไม่มีใครเดิน จึงเอินไม่ใคร่ถูก พอถูกก็เป็นพระอริยเจ้า
ก.ถามว่า ที่เดินไม่ถูกเพราะอะไร?
ข.ตอบว่า เพราะชอบเดินทางเก่าซึ่งเป็นทางชำนาญ
ก.ถามว่า ทางเก่านั้นคืออะไร?
ข.ตอบว่า ได้แก่ กามสุขัลลิกานุโยค แลอัตตกิลมถานุโยค
(จากหนังสือ ปฏิปัตติปุจฉาวิสัจชนา ปุจฉา:พระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธโล) วิสัชนา:พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ)
ก.ถามว่า กามสุขัลลิกานุโยค คืออะไร?
ตอบลบข.ตอบว่า ความทำตนให้เป็นผู้หมกหมุ่น ติดอยู่ในกามสุขนี้แล ชื่อว่า กามสุขัลกานุโยค
ก.ถามว่า อัตตกิลมถานุโยค ได้แก่ทางไหน?
ตอบว่า ได้แก่ผู้ปฏิบัติผิด แม้ประพฤติเคร่งครัดทำตนให้ลำบากสักเพียงไรก็ไม่สำเร็จประโยชน์ ซึ่งมรรค ผล นิพพาน นี่แหละเรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค
ก.ถามว่า ถ้าเช่นนี้ทางทั้ง ๒ นี้ เห็นจะมีคนเดินมากกว่า มัชฌิมาปฏิปทา หลายร้อยเท่า
ข.ตอบว่า แน่ทีเดียว พระพุทธเจ้าแรกตรัสรู้ จึงได้ทรงแสดงก่อนธรรมอย่างอื่นๆ ที่มาแล้วในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เพื่อให้สาวกเข้าใจจะได้ไม่ดำเนินในทางทั้ง ๒ มาดำเนินในทาง มัชฌิมาปฏิปทา
(จากหนังสือ ปฏิปัตติปุจฉาวิสัจชนา ปุจฉา:พระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธโล) วิสัชนา:พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ)