....ฯลฯ....
พุทธธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น คำว่า พระไตรปิฎก กายคือตัวเรานี่แหละ เป็นตู้พระไตร เป็นตู้พระธรรม วาจาคือสิ่งที่พูดเปล่งออกมา เป็นพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าอยู่ที่นี่
พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ ก็ดวงจิต ดวงใจนี่แหละ ตัวเราทุุกคน ก็ให้เข้าเถิดว่า นี่คือ ตู้พระธรรม ตู้พระไตรปิฎก ตู้พระไตร หอพระไตร หอพระธรรม เมื่อได้กาย วาจา จิตมาแล้ว ชื่อว่าเราได้พระธรรมที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน ยังไม่ได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ยังไม่ได้เจริญธรรมกรรมฐาน มีอยู่ก็เหมือนกับไม่มี เพราะยังเอามาใช้การอะไรไม่ได้
เหมือนกับว่านั่งเฝ้าตู้พระธรรมอยู่ แต่ไม่รู้พระธรรม นั่งเฝ้าตู้พระไตรอยู่แต่ไม่รู้พระไตรปิฎก อาศัยอยู่ในตู้พระธรรมวินัย วัตถุศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ไม่รู้ไม่เข้าใจ กิเลสมันพาไป กิเลสมันพานั่ง กิเลสมันพานอน กิเลสมันพากิน กิเลสมันพาวุ่นวาย ตั้งแต่เกิดมาจนตาย ทุกภพทุกชาติ คือไม่สังวรระวัง ไม่ตั้งใจปฏิบัตไม่ปฏิบัติรักษาจิตใจของตัวเอง กาย วาจา จิต ปล่อยให้กาย วาจา จิต นี้หลงใหลไปตาม รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์ เมื่ออะไรกระทบมา ก็ไม่มีปัญญาพินิจพิจารณา เป็นต้นว่า ตาเห็นรูป รูปนั้นมันจะเป็น รูปเรา รูปเขา รูปคน รูปสัตว์ รูปวัตถุข้าวของ รูปต้นไม้ ภูเขา ท้องฟ้า อากาศ รูปอะไรก็ตาม เมื่อมันมาปรากฏในสายตานั้นแล้ว ต้องกำหนดพิจารณา อย่าให้มันหลงใหลไปอย่างเดียว..
....ฯลฯ...
(จากหนังสือ กังวานธรรม พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร) สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)
*****
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น