วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561
ประหาร กิเลส
♥ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่♥
.............................
🍀การประหารกิเลสมีอยู่ ๓ อย่าง
🌾หนึ่ง #ตทังคปหาน ประหารโดยเป็นขณะๆ
อย่างเช่นเรามีสติสัมปชัญญะ
รู้เท่าทันเวลาตาเห็นรูป หูฟังเสียง
จมูกดมกลิ่น ลิ้นลิ้มรส
กายสัมผัสถูกต้อง ใจคิดนึก
ขณะนั้นกิเลสก็ขาด ถูกละออกไป
หรือว่ากิเลสมันผุดขึ้นมา
สติรู้เท่าทันต่อกิเลส กิเลสถูกละไป
ถ้าเผลอ มันเกิดขึ้นอีกแล้ว
อย่างนี้เรียกว่าเป็นตทังคปหาน
ประหารได้เพียงเป็นขณะ ๆ
🌷การเจริญวิปัสสนานี้
ในช่วงที่เรายังไม่ถึงขั้นอริยมรรค
มันก็ประหารได้เป็นขณะ ๆ
ประหารได้แค่ตทังคปหานเท่านั้น
ซึ่งผู้ปฏิบัติก็จะพบได้เองว่าเวลาที่เรามีสติ
เราจะพบว่ากิเลสถูกระงับไป
กิเลสขาดไป ดับไป
เกิดขึ้นอีก รู้อีก รู้เท่าทันอีก ถูกละไปอีก
นี่เป็นตทังคปหาน
🌳ส่วน #วิกขัมภนปหาน นั้น
เป็นการข่มไว้ได้นาน ๆ
โดยเฉพาะผู้ที่เจริญสมถะจนกระทั่งได้ฌาน
อำนาจของสมาธิ อำนาจของฌาน
จะข่มกิเลสให้ราบคาบลงไป
พวกนิวรณ์จะสงบระงับลงไป
จนกระทั่งรู้สึกว่าเหมือนตัวเองไม่มีกิเลส
เหมือนไม่มีกามราคะ เหมือนไม่มีโทสะ
เหมือนไม่ได้ง่วงเหงาหาวนอน
เพราะว่าอำนาจสมาธิ สมาธิมันข่มไว้หมด
🌱ท่านอุปมาเหมือนหินทับหญ้า
หญ้าที่ถูกหินทับ
หญ้าแพรกมันก็ไม่เจริญงอกงามถ้าหินมันทับ
มันเหมือนมันตายไปเหมือนกัน
ถ้าตราบใดที่หินยังไม่เอาออก หญ้าก็ไม่โตขึ้นมา
เหมือนกับสมาธิ ถ้ามันยังมีสมาธิอยู่
กิเลสก็ไม่เกิดขึ้น
แต่พอเอาหินออกก็เจริญงอกงามขึ้นอีก
พอสมาธิมันเสื่อมลงก็เกิดกิเลสขึ้นมา
🍁เพราะฉะนั้น ในคำสอนของพระพุทธศาสนา
ท่านจึงไม่ได้มุ่งแค่สมถะ ไม่ได้มุ่งแค่สมาธิเท่านั้น
แต่สอนให้มุ่งเข้าสู่ปัญญา
เพราะการที่จะประหารกิเลส
ในระดับ #สมุจเฉทปหาน
ต้องระดับการเข้าถึงมรรคญาณ
ซึ่งมรรคญาณอันเป็นอริยมรรค
ก็จะต้องอาศัยการเจริญวิปัสสนาเท่านั้น
ส่วนการเจริญสมถะก็จะได้เพียงวิกขัมภนปหาน
การข่มกิเลสไว้ได้นานๆ
🌿ฉะนั้น พวกฤาษีชีไพรทั้งหลาย
เขาทำพวกสมถะ ได้ฌาน ได้อภิญญา
ขั้นสูงสุดจนกระทั่งชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
มีความรู้สึกสัญญานั้นมีก็ไม่เชิง
ไม่มีก็ไม่เชิง มันริบหรี่
เขาก็คิดว่านั่นคือนิพพานแล้ว
นั่นคือพ้นทุกข์แล้ว เพราะกิเลสมันถูกระงับ
ข่มไว้ได้หมด
แต่พระพุทธเจ้าเห็นว่านั่นยังไม่ใช่ทางหลุดพ้น
ยังไม่ได้พ้น ยังไม่ได้สิ้นสุด
จึงมาพิจารณาหาทาง
ก็ได้ทางเดินคือการเจริญวิปัสสนา
เจริญสติปัฏฐาน
🌲เพราะฉะนั้น เมื่อเราเป็นชาวพุทธ
ถ้าเราไม่เข้าถึงการเจริญวิปัสสนา
ก็เหมือนกับว่าเราไม่ได้เข้าถึง
คำสอนที่สำคัญของพระพุทธศาสนา
ที่เป็นแก่นแท้สำคัญจริงๆ
เพียงลำพังการทำสมาธิ การเจริญสมถะ
ถึงไม่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติสอนไว้
เขาก็ทำกันได้อยู่แล้ว
ก่อนพระพุทธเจ้ามาอุบัติ
ในยุคก่อนๆ เขาก็เจริญสมถะ
ได้ฌาน ได้อภิญญา พวกฤาษีชีไพรต่างๆ
🌷หรือแม้ในสมัยพระพุทธเจ้าอุบัติแล้ว
หรือในปัจจุบันนี้ในลัทธิในศาสนาอื่นๆ
เขาก็มีการเจริญกรรมฐานเหมือนกัน
แต่ว่าเขาเจริญในส่วนของสมถะ
วิปัสสนานี้จะมีเฉพาะคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ส่วนสมถะ การทำจิตใจให้สงบ ก็มีอยู่ทั่วไป
เช่น เขานั่งบริกรรม เขาสวดมนต์
มันก็เป็นเรื่องของการให้เกิดสมาธิ
หรือเขาจะสวดอ้อนวอน
หรือเขาจะทำบริกรรมอะไรก็ตาม มันก็มีสมาธิได้
แต่สำหรับวิปัสสนานั้น
เป็นเรื่องเฉพาะพระพุทธศาสนา
เป็นเรื่องเฉพาะคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
เรามาเป็นชาวพุทธ ถ้าเราไม่รู้เรื่องของวิปัสสนา
มันก็เหมือนกับว่าเราไม่ได้เข้าถึงจริงๆ ก็น่าเสียดาย
โดยเฉพาะว่าเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ในยุคที่พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่
.............................
ธัมโมวาท โดยพระวิปัสสนาจารย์
ท่านเจ้าคุณ พระภาวนาเขมคุณ วิ.
(หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี)
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
.............................
ขอร่วมอนุโมทนาบุญ จิตอาสาช่วยถอดเทปธรรมบรรยาย
คุณจุฑาทิพย์ หิรัญญสัมฤทธิ์ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิค่ะ
ถอดจากเทปธรรมบรรยาย
ป้ายกำกับ:
ธรรมทาน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
สวัสดีคะ พี่พอมีภาพถ่ายสารบัญของวิทยุนี้ไหมคะ หนูอยุ่ต่างประเทศ พอดีมันหายไปคะ 💙💚💚
ตอบลบผมมีสารบัญอยู่สองชุด ลองเอาไปดูก้รก็ได้ครับ จะถ่ายส่งให้ทางไหนล่ะครับ...
ตอบลบทางเมล์ได้ไหมคะ inumbu41@gmail.com กราบขอบพระคุณมากๆนะคะ ที่เมตตา
ลบ