...........................
...........
ถ้าเราไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ไม่ทำบุญ ไม่รักษาศีล ไม่ภาวนา ทำแต่บาปกรรม เสพอบายมุขต่างๆ เวลาร่างกายตายไป ใจก็ไม่ได้ไปสวรรค์เพราะไม่มีเสบียงไม่มีเงินติดตัว ไม่มีตั๋วเครื่องบิน ไม่มีวีซ่า แต่ต้องไปที่เขาไม่ต้องใช้วีซ่าก็คือไปที่คุกที่ตะรางนี่เอง..คุกตะรางของดวงวิญญาณของจิตใจก็คือ"อบาย"นี้เอง
อบายนี้มีอยู่ ๔ ช่อง ช่องแรกเรียกว่า เดรัจฉาน ช่องที่สองแรกว่า เปรต ช่องที่สามเรียกว่า อสุรกายหรือผี และช่องที่สี่เรียกว่า นรก ..........นี่คือที่ไปสำหรับผู้ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ผู้ที่ไม่ทำบุญ ให้ทาน ไม่รักษาศีล ไม่ภาวนา และหลังจากที่ไปใช้กรรมใช้บาปหมดแล้วก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ แต่ผู้ที่กลับมาเกิดจากอบายนี้จะเป็นผู้ที่อาภัพวาสนา เกิดมายากจน รูปร่างหน้าตาไม่สวยงาม ผิวพรรณไม่ผ่องใส สติปัญญาไม่ฉลาด อายุไม่ยาวนาน มีโรคภัยเบียดเบียน อาการไม่ครบ ๓๒ เพราะอานิสงค์ของบาปที่ทำไว้ยังติดมากับใจอยู่
แต่ผู้ที่ไปสวรรค์ชั้นเทพชั้นพรหม พอกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเป็นมนุษย์ที่มีบุญวาสนา เกิดมาในครอบครัวของคนร่ำรวย หรือเกิดมามีความรู้ ความฉลาด ความสามารถ สามารถหาเงินหาทองเป็นมหาเศรษฐีได้ มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม ผิวพรรณผ่องใส มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง อาการครบ ๓๒ และอายุยืนยาว นี่คืออานิสงค์ของผู้เชื่อพระพุทธเจ้า และทำบุญปฎิบัติธรรมไปถึงขั้นสมถภาวนา คือ ขั้นสมาธิ ซึ่งเป็นขั้นที่ยังไม่สูงสุด ถ้าอยากไปสูงกว่านี้ คือไปแบบไม่กลับไปอยู่บนสวรรค์ตลอดเวลา ไม่ต้องมาเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ต้องมาหาเงินหาทอง ไม่ต้องมาสร้างบุญสร้างกุศลอยู่เรื่อยๆ ก็ต้องปฎิบัติธรรมขั้นสูงสุดให้ได้ คือ ขั้นวิปัสสนาภาวนา
........................
Cr.จากหนังสือธรรมะในศาลา ชุดในพรรษาปี พ.ศ.๒๕๕๘ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จังหวัดชลบุรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น