วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2564

รอยทางของเตี่ย

 


💌รอยทางของเตี่ย

🌸 มีแค่นี้

ในครอบครัวอาหมวย

ตั้งแต่ครั้งยังเด็ก อาหารบ้านเราคืออาหารที่อร่อยที่สุด

โดยเฉพาะ ฝีมือเตี่ย 

 มื้อเช้า จะเป็นอาหารง่ายๆ

เช่น ข้าวต้มหมู ข้าวผัด

หรือ ข้าวต้มขาวกินกับ เกี่ยมฉ่ายบ้าง กุนเชียงทอดบ้าง หรือ ไข่เจียวซึ่งทำง่าย รวดเร็ว 

บางวันก็อาจจะเป็นโจ๊ก

น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋

(บ้านอาหมวยเรียก อิ่วจาก้วย) 

มื้อกลางวัน ถ้าเป็นวันหยุด

จะเป็นก๋วยเตี๋ยวเป็นส่วนใหญ่

ราดหน้า ผัดซีอิ้ว หรือ

เส้นใหญ่น้ำหมูสับ 

ส่วนมื้อเย็นจะเป็นแกงจืดอย่างนึง

ผัดเผ็ดอย่าง หรือแกง

ผัดผัก อย่างหรือของทอด

เรียกว่า ครบ ทั้งจืดทั้งเผ็ด 

และการกินอาหาร

เตี่ยก็สามารถนำมาสอนลูกได้ 

🌤 เย็นวันหนึ่งอาหมวยเปิดฝาชีบนโต๊ะอาหารแล้วทำหน้าเบ้ ร้องถามเตี่ย

" เตี่ยคะ ทำไมมีกับข้าวแค่นี้"

เตี่ยเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์

"แค่นี้ คือแค่ไหน "

"ก็มีแค่จับฉ่าย"

"จับฉ่าย แปลว่า ผักสิบชนิด

มีตั้งสิบ ลื้อยังบอกแค่นี้หรือ" 

เตี่ยถามเสียงเรียบๆ

แต่อาหมวยรู้ว่าเตี่ยกำลังไม่พอใจจึงเงียบ ไม่ตอบโต้ 

เตี่ยพับหนังสือพิมพ์เก็บ

วางไว้บนชั้นวางหนังสือ

แล้วเดินมาหาอาหมวย 

" มานี่ซิ มาคุยกันหน่อย "

ลางไม่ดีมาแล้ว โดนดุแน่ๆ 

เตี่ยไม่ชอบให้ลูกฟุ่มเฟือย

เตี่ยไม่ชอบให้ลูกดูถูกสิ่งที่มี 

อาหมวยเดินตัวลีบลงไปนั่งข้างเตี่ย

" ไหนบอกเตี่ยซิว่าในจับฉ่าย มีอะไรบ้าง "

" ก็มีผักหลายๆชนิด มีซี่โครงหมูมีเต้าหู้ทอดค่ะ "

"อืม ครบห้าหมู่ไหม "

"ครบค่ะ 

เตี่ยถามเสียงเครียดขึ้น

" แล้วทำไมลื้อถึงพูดว่ามีแค่นี้"

ท้ายประโยค เตี่ยเน้นคำ 

" อั๊วหมายถึง มีแค่อย่างเดียว

ปกติมื้อเย็นมีสามสี่อย่าง นี่คะ"

"วันนี้ เราอยู่กันแค่สองคน

กินแค่นี้ก็พอ 

เตี่ยเคยสอนลื้อว่ายังไง

เรื่องกินอาหาร " 

อาหมวยจำได้

เพราะเตี่ยย้ำจนขึ้นใจ

" ของอร่อย ของแพงๆนอกบ้านต้องรอกินกันพร้อมหน้าค่ะ"

เตี่ยยิ้ม ที่ลูกจำได้

อาหมวยยังคงโอดครวญ

" แบบนี้ ถ้าอยู่กันสองคน

อั๊วก็ได้กินแค่นี้อย่างนั้นหรือคะ" 


สีหน้าของเตี่ยเปลี่ยนทันที

" อาหมวย ลื้อกำลังนึกถึง

แต่ตัวเอง ไม่นึกถึงพี่น้อง"

" อาหยี่เฮีย อาตั่วเฮีย

ไปบ้านปากน้ำโพกับอาแหมะ

ป่านนี้กินแต่ของดีดี อั๊วรู้ "

"อาหมวย"เตี่ยเอ่ยเสียงเข้ม

เตี่ยไม่ชอบให้ลูกเปรียบเทียบ

มากน้อยกันเอง 

"อาหมวยเตี่ยมีอะไรจะเล่าให้ฟัง " 

เตี่ยเทน้ำร้อนจากกระติกน้ำร้อนลงในกาน้ำชาใบเล็ก ปิดฝาแล้วรอเวลา ให้น้ำร้อนแทรกซึมใบชา จากนั้น ค่อยๆรินลงถ้วยชาใบน้อยๆ ก่อนจะยกขึ้นจิบ 

อาหมวยรู้ว่า เตี่ยกำลังใช้ความคิด

" สมัยที่อาม่า พาเตี่ยมาอยู่

แผ่นดินสยามแรกๆ 

พวกเราไม่มีบ้านอาศัยเช่าเรือนแพ

อาม่ารับจ้างตามสวน

พี่น้องสิบสามคน 

โตหน่อยก็ช่วยหางานรับจ้าง

เล็กลงมาก็อยู่บ้านทำงานบ้าน เลี้ยงน้อง 

ทุกๆเย็น ทุกคนได้ค่าแรงมา

เอามาให้อาม่าหมด

แต่ก็น้อยนิด

อาหารบางมื้อมีแค่ข้าวต้มใส่เกลือ

ก็ล้อมวงกินกัน 

ไม่เคยพูดว่า “มีแค่นี้ “

บางคืนกลางดึกตลาดริมฝั่ง 

มีรถส่งพวกถั่วมาลง มีทั้งถั่วลิสง ถั่วเขียวถั่วเหลือง ลูกเดือย

เตี่ยกับอาแปะ อาเจ็ก ของลื้อ

ออกไปช่วยขนลงจากรถ

ค่าแรงไม่ได้หรอกนะเพราะยังเด็ก 

ตัวเล็ก ขนได้ไม่มาก 

แต่ที่ไป ก็เพราะตามพื้นจะมีถั่วหล่น

พอช่วยขนเสร็จ

ก็ช่วยกันเอามือเก็บถั่วใส่กระป๋อง กลับบ้านแล้วค่อยมาคัดแยก 

ถั่วลิสงเอามาต้มใส่ข้าว

บางทีก็ใส่เอียเล้ง

ถั่วเขียวเอามาเพาะ

รอเป็นถั่วงอกมาผัด

ลูกเดือยก็หุงกินได้ " 

เตี่ยหยุดเล่า จิบชาอีกถ้วย

ก่อนจะถามว่า"ลื้อว่า พวกเตี่ยลำบากไหม"

อาหมวยพยักหน้า น้ำตาคลอ 

เตี่ยลำบากมากจริงๆ 

" แต่ลื้อรู้ไหม พวกเรา

กินข้าวด้วยรอยยิ้มทุกมื้อ

อาม่าสอนว่า อิ่มท้อง อุ่นใจ

ไม่ต้องกินอะไรแพงๆ

แค่กินข้าวพร้อมหน้ากัน

ก็ถือว่า เป็นความสุขแล้ว "

อาหมวยยิ้มรับ จริงของเตี่ย 

เวลาที่อากง อาม่าพาอาหมวยไปกินอาหารเหลา

อาหมวยแอบคิดถึงเตี่ยทุกที

คิดทุกครั้งว่าถ้าเตี่ยมาด้วย จะดีมาก 

" แล้ววันหนึ่ง อาม่า 

ก็แอบไปเห็น อาแปะของลื้อ

ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่ตลาด "

" อาม่า ทำยังไงคะ"

"ลื้อคิดว่า อาม่าทำยังไง"

"อาแหมะของเตี่ย อั๊วไม่รู้

แต่ถ้าเป็นอาแหมะอั๊ว

มีหวังหัวอั๊วลงไปอยู่รวม

กับเส้นก๋วยเตี๋ยวในชาม" 

เตี่ยปล่อยเสียงหัวเราะ

ก่อนจะเล่าต่อ 

" อาม่า ลงไปนั่งตรงข้ามอาแปะนั่งมองลูกยิ้มๆ 

แต่อาแปะลื้อพอเงยหน้ามา ถึงกับอ้าปากค้างน้ำตาร่วง

อาม่าบอกว่าไม่ต้องร้อง

กินเสียให้หมด"

"อาม่า ใจดีเสมอ "

เตี่ยพยักหน้า

" อาม่าพูดว่า

อาเป้งกินให้อร่อย ไม่ต้องกลัว

เรื่องนี้พี่น้องของลื้อจะไม่รู้

แม่จะเก็บเป็นความลับ แม่เข้าใจลื้อ “

ตอนนั้นอาแปะเป้งของลื้อ

เป็นหนุ่มแล้ว รับจ้างลากรถ

บางทีก็เหนื่อยมาก กินแต่ข้าวต้มกับผัดผักคงไม่ไหว เพราะใช้แรงมาก

อาม่าถึงบอกว่า เข้าใจ" 

"แล้วทำไมเตี่ยรู้เรื่องนี่คะ"

"ตกเย็นวันนั้น อาแปะลื้อ

มาสารภาพกับพี่น้องเอง

สารภาพทั้งน้ำตา พี่น้องก็หัวเราะกัน

เสียงหัวเราะในวันนั้นก็เหมือนการให้อภัยกัน

ถามกันว่าอร่อยไหมเพราะไม่เคยกิน" 

อาหมวยถึงกับน้ำตาร่วง

เตี่ยจำความได้แล้ว แต่ไม่เคย

ได้กินก๋วยเตี๋ยว

" ร้องไห้ทำไม สงสารเตี่ยหรือ "

อาหมวยพยักหน้าแทนคำตอบ

สะอื้นจนตัวโยน

เตี่ยเอื้อมมือมาลูบหัว

" ไม่ต้องสงสารเตี่ยนะ

#ความลำบาก เป็นส่วนหนึ่ง

ของบทเรียนแห่งชีวิต

ความอดอยากสอนให้เรา

ไม่ฟุ่มเฟือย

ความขาดแคลนบางครั้ง

ก็สอนให้เราเป็นคนมีน้ำใจ

ความผิดหวังก็สอนให้เรา

รู้จักยอมรับ 

และความหิวก็สอนให้เรารู้ว่า

ข้าวเปล่าถ้วยเดียวก็อร่อยได้"

" ค่ะ เตี่ย " 

" อาหมวย อย่าดูถูกสิ่งที่เรามี

อย่าคิดว่าพี่น้องได้มากกว่า

อย่าคิดว่าคนอื่นได้ ลื้อต้องได้

อย่าโวยวายเรียกร้อง

หากสิ่งที่เคยมีนั้นหายไป

จะข้าวเปล่าหรือเนื้อมังกร

มันไม่มีความหมายหรอก

ถ้าลื้อต้องกินคนเดียว 

ถ้าลื้อต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว

ถ้าน้ำในใจลื้อมันเหือดหาย

น้ำตาจะมาสู่ชีวิตลื้อ " 

"อาหมวยรู้แล้วคะเตี่ย

ความสัมพันธ์อันดี

ความเอื้ออาทร

ของคนในครอบครัวนั้น

สำคัญกว่าอื่นใดค่ะ" 

" ไม่เพียงเท่านั้นถ้าลื้อฝึกตนเป็นผู้ให้เป็นผู้มีน้ำใจ

เริ่มจากคนในครอบครัว

ไปสู่คนรอบข้าง

ไปสู่สังคม

ฝึกแบบนี้กันทุกคน ทุกบ้าน

บ้านเมืองก็จะน่าอยู่ 

การให้ คือการลดอัตตา

คือการลด กิเลส

พอไม่มีอัตตา ไม่มีกิเลส

ลื้อก็จะพอใจในสิ่งที่มี

ในสิ่งที่เป็น

จะได้ไม่ต้องพูดอีกว่า

มีแค่นี้หรือ " 

🦋ด้วยความปรารถนาดี

อาหมวย : รอยทางของเตี่ย

07Mar2021

*********

Cr. Fwd. Line

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น