วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2564

เหตุของความตาย


 

ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่

.............................

พระพุทธเจ้าตรัสแสดงถึง

เหตุให้เกิดความตายมี 4 อย่าง 

1. อายุกขยะมรณะ 

ตายเพราะสิ้นอายุ มีอายุครบอายุขัย 

อย่างมนุษย์เราปัจจุบันอายุขัยก็ประมาณ 75 ปี

สมัยพระพุทธเจ้า 100 ปี อายุขัย

เกินไปบ้างก็ไม่เท่าไหร่ 

อย่าง 160 ปีถือว่ามากเต็มที่แล้ว

ปัจจุบันก็ลดลงช่วงระยะอายุมนุษย์ลด

ฉะนั้น เมื่อหมดอายุขัยแล้ว

ร่างกายมันหมดสภาพ

แก่ชราหมดสภาพ ก็ต้องตาย

.

2. กัมมักขยะมรณะ

ตายเพราะสิ้นกรรม

กรรมคือการกระทำ 

ทั้งที่เป็นบุญและเป็นบาป 

เขาเรียกกรรมทั้งหมด

กรรมดีเขาเรียกว่า กุศลกรรม

กรรมชั่วก็เรียกว่า อกุศลกรรม

กรรมที่ส่งมาเป็นมนุษย์

ก็คือ..กุศลกรรม

ชนกกรรม กรรมที่นำให้เกิด

อุปัตถัมภกกรรม 

กรรมที่เข้าไปสนับสนุนให้ชีวิตดำรงอยู่

กรรมเหล่านี้ที่ส่งมามันหมด ๆ สภาพ

ก็ตาย...เหมือนคนอายุขัยยังมีแต่ว่าตายก่อน

เพราะว่าหมดกุศลกรรมที่ส่งมาเป็นมนุษย์หมดลง

.

3.อุภยักขยะมรณะ

ตายเพราะสิ้นทั้งอายุและกรรมไปพร้อม ๆ กัน

อยู่มาครบอายุขัยพอดี 

กรรมที่ส่งผลมาเป็นมนุษย์ก็หมดลงพอดี..ตาย

.

4. อุปัจเฉทกมรณะ

ตายเพราะมีกรรมมาตัดรอน

กรรมมาตัดรอน คือ...

บุญกุศลความดี กุศลที่มันส่งมาเป็นมนุษย์ก็มี

อายุขัยก็ยังไม่หมด

แต่ว่าอกุศลกรรมมันมาตัด 

อย่างที่ในอดีตเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

เคยทำร้ายชีวิตเขาไว้ มันตามมาทัน

แล้วก็มาตัดชีวิตขาดตาย

.

เช่นถูกรถชนตาย 

ถูกไฟลวกตาย จมน้ำตาย

เกิดระเบิด เกิด...โดนจนได้

ถ้ากรรม อกุศลกรรมที่เกี่ยวกับปาณาติบาต

ที่เราเข่นฆ่า ประหัดประหาร ตามมาทัน

มันก็มาตัดชีวิตขาดตาย


แต่นี้ว่า อุปัจเฉทกกรรม มีกรรมมาตัดรอน

เหมือนชีวิตบางคน อายุขัยก็ยังมี

แต่ว่า กรรมมันตัดรอน 

ความตายก็ต้องมาถึง

.

ฉะนั้น เราก็ไม่ควรประมาทว่า

เราจะอยู่ครบอายุขัยไหม

ถึงจะอยู่จนครบอายุขัยก็ต้องตายอยู่ดี

อย่างเวลาก็สั้นลง 

สมมติว่าอายุขัย 75 ปี

สมัยนี้ก็ไม่ค่อยถึงกันแล้ว

ถ้า 50 ก็เหลืออีกเท่าไหร่ 

60 เหลือเท่าไหร่ 

70 , 75 ก็หมดแล้ว หมดเวลาแล้ว

แต่นี้คนที่ยังอายุ 30 40 50 

ยังคิดว่า โอ้ย อีกหลายหลายสิบปี

มันก็ไม่แน่ มันมีกัมมักขยะมรณะ

หรือ อุปัจเฉทกกรรม มาตัดรอนได้

.

ฉะนั้นก็ไม่ควรจะประมาทนิ่งนอนใจ

เพราะว่าถ้าเราตายแล้ว 

เราหมดหมดโอกาสเลยนะ

ทำอะไรได้บ้าง ตายแล้วทำอะไรไม่ได้เลย

มันจบหมดเลย 

ที่จะมาให้ทาน มารักษาศีล

มาเจริญภาวนา มาทำบุญสุนทานอะไร

มันทำไม่ได้หรอก หมดโอกาส

.

ฉะนั้นตอนที่เรายังดี ยังมีแข็งแรง

ต้องสั่งสมเสีย มีทุน

หรือว่าถ้าเรามีทุนมาก

เหมือนคนมีทรัพย์สมบัติมาก

จะไปออกบ้านใหม่

ก็ยังเลือกบ้านใหญ่ได้ใช่ไหม 

มีทรัพย์ ซื้อบ้านใหม่

.

เหมือนถ้าร่างกายเปรียบเหมือนบ้านหลังหนึ่ง

มันจะต้องพังแล้ว 

พอหมดอายุขัย หมดสภาพ 

ก็เปลี่ยนซื้อบ้านใหม่ 

ถ้าคนมีทุน มันก็ได้บ้านดี

แต่ถ้าทุนไม่ดี ก็มาแบบ..แบบที่เห่า

ฉะนั้นต้องสั่งสมบุญกุศลให้มาก 

.............................


ธัมโมวาท โดยพระวิปัสสนาจารย์

‪‎ท่านเจ้าคุณ‬ ‪‎พระภาวนาเขมคุณ‬ วิ.

(หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี)

เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น