(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)
หลังจากเรานมัสการ"ชาตสถาน" ที่ลุมพินี เนปาล แล้วตอนเที่ยงกลับมาทานอาหารกลางวันที่วัดไทย๙๖๐ ใกล้ด่านเข้าเมืองฝั่งประเทศอินเดีย จุดหมายปลายทางในวันที่แปดนี้คือเมืองสาวัตถี ระยะทางจะต้องเดินทางประมาณ ๒๐๐ กม. ซึ่งจะต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ ๔ - ๕ ชม. ระหว่างทางเราจะแวะนมัสการสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ กบิลพัสดุ์ (อินเดีย)..ก่อนจะถึงก็ขออนุญาตนำภาพวิถีชีวิตชนบทในแคว้นอุตตรประเทศ ซึ่งคล้าย ๆ กับชนบทบ้านผมในอดีต ครับ...
......
ตาชั่งสำหรับชั่งข้าวเปลือก
ช่วงเดือน พ.ย.ที่นี่ก็อยู่ในระหว่างเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร ที่เห็นคือทุ่งนาที่ข้าวกำลังสุกและพร้อมเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ก็มีถั่วลิสง เห็นกองฟางนึกถึงควายบ้านเรานะครับ...พอใกล้ชุมชนก็จะเห็นร้านค้าสะดวกซื้อ ร้านตัดเสื้อร้านซักรีด ร้านตัดผม ตลาดสด ฯลฯ ริมทาง แต่ว่าส่วนใหญ่อาจจะกล่าวได้ว่า ๙๙.๙๙ % มีแต่"พ่อค้า" ไม่ค่อยเห็น"แม่ค้า" นี่คงจะเป็นจริงที่ว่า ผู้หญิงที่นี่มีหน้าที่ทำงานอยู่ที่บ้าน ..
บางช่วงบางตอนของเส้นทางเราต้องหยุดรถเพื่อให้ขบวนแห่ของพี่น้องในชนบทผ่านไปก่อน ตามที่เล่าให้ฟังข้างต้นว่าอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จบางส่วนก็มีพิธีเซ่นบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อและศรัทธา...ขออภัยครับไม่ได้ลงจากรถไปไถ่ถามเพราะคงพูดกันไม่รู้เรื่องแน่นอน..
...ถึงกบิลพัสดุ์หรือ "ปริปาหวะ "หมู่บ้านชายแดนเขตอินเดียใกล้เนปาล เรามีเวลาพอสมควรพอที่จะเข้าสักการะสถูปสถานที่ที่เคยประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดพบ ณ สถานที่แห่งนี้ ทางอินเดียได้นำมาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าพระเจ้าอยู่หัว และพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯให้นำไปบรรจุไว้บนเจดีย์ภูเขาทองวัดสระเกศ กรุงเทพ..
.....
อย่างไรก็ตาม"กบิลพัสดุ์" นี้ยังมีอีกที่หนึ่งอยู่ในประเทศเนปาล ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไปประมาณ ๒๕ กม.ซึ่งนักวิชาการหลายท่านบอกว่า"กบิลพัสดุ์" ในเนปาลน่าจะเป็น กบิลพัสดุ์เก่าตามพุืทธประวัติ สำหรับที่นี่น่าจะเป็นกบิลพัสดุ์ที่สร้างขึ้นใหม่หลังจากศากยวงศ์ถูกพระเจ้าวิฑูฑภะทำลาย อาจจะมีเจ้าศากยะวงศ์ที่เหลืออยู่มาสร้างและได้นำพระบรมสารีริกธาตุที่รับมาจากกุสินารามาบรรจุไว้...
ได้เวลาเดินทางต่อไปเพื่อให้ถึงเมืองสาวัตถีก่อนค่ำ คณะเราจะไปรับประทานอาหารเย็นที่วัดไทยเชตวัน ฯ ...
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น