....เมื่อเราเรียนรู้อารมณ์หรือความรู้สึกเหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เราก็จะเริ่มรู้ว่า ความจริงแล้วอารมณ์ทุกอย่างนั้นไม่คงที่ เช่น เมื่อโกรธ และเราก็รู้อยู่ที่ความโกรธนั้น ก็จะเห็นระดับของความโกรธเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อยู่ไป ๆ ความโกรธก็ดับไปเอง และไม่ว่าความโกรธจะดับหรือไม่ก็ตาม ความโกรธก็เป็นแค่สิ่งที่ถูกรู้ไม่ใช่ตัวเรา ไม่มีเราอยู่ในความโกรธ แม้อารมณือื่น ๆ ก็จะเห็นในลักษณะเดียวกับความโกรธนี้ด้วย..
ถึงตอนนี้ เราจะรู้ชัดว่า ร่างกายก็เป็นแค่หุ่นยนต์ตัวหนึ่ง ความรู้สึกสุขทุกข์ และอารมณ์ทั้งหลาย ก็เป็นสิ่งที่ถูกรู้ไม่ใช่ตัวเรา เมื่อหัดสังเกตเรียนรู้จิตใจตนเองมากขึ้น คราวนี้ก็จะเห็นการทำงานของจิตใจได้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้ความจริงว่า ความทุกข์เป็นเพียงสิ่งที่มีเหตุทำให้เกิดขึ้นเป็นคราว ๆ เท่านั้น
เราจะพบพลังงานหรือแรงผลักดันบางอย่างในจิตใจของเรา เช่น พอเห็นผู้หญิงสวยถูกใจ พอจิตใจเกิดความรู้สึกรักใคร่พอใจแล้ว มันจะเกิดแรงผลีกดันจิตใจของเรา ให้เคลื่อนออกไปยึดเกาะที่ผู้หญิงคนนั้น ทำให้เราลืมดูตัวเอง เห็นแต่ผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น
(เรื่องจิตเคลื่อนไปได้นี่ ถ้าเป็นคนที่เรียนตำราอาจจะงง ๆ แต่ถ้าลงมือปฏิบัติจริง จะเห็นว่า ความรับรู้มันเคลื่อนไปได้จริง ๆ ตรงกับที่พระพุทธเจ้าท่านพูดเรื่องจิตเที่ยวไปได้ไกล ไม่มีคลาดเคลื่อนแม้แต่คำเดียว)
หรือเมื่อเราเกิดความสงสัยในธรรม เราควรปฏิบัติอย่างไร ก็จะเห็นแรงผลักดันที่บังคับให้เราคิดหาคำตอบ จิตใจของเราเคลื่อนเข้าไปอยู่ในโลกของความคิด ตอนนั้นเราลืมดูตัวเราเอง เจ้าหุ่นยนต์นั้นก็ยังอยู่ เราลืมนึกถึงมันก็เหมือนกับว่ามันหายไปจากโลก ความรู้สึกต่าง ๆ ในจิตใจเราเป็นอย่างไร เราก็ไม่รู้ เพราะมัวแต่คิดหาคำตอบในเรื่องที่สงสัยอยู่นั่นเอง
หัดรู้ทันจิตใจตนเองมากเข้า ไม่นานก็จะทราบด้วยตนเองว่า ความทุกข์เกิดขึ้นได้อย่างไร ความพ้นทุกข์เกิดขึ้นได้อย่างไร สภาพที่ไม่มีทุกข์เป็นอย่างไร สภาพจิตใจมัีนจะพัฒนาของมันไปเองทุกอย่าง ไม่ต้องไปคิดเรื่องฌาน เรื่องญาณ หรือเรื่องมรรคผลนิพพานใด ๆ ทังสิ้น
ถึงตรงนี้ อาจจะพูดธรรมะไม่ได้สักคำ แปลศัพท์บาลีไม่ได้สักตัว แต่จิตใจพ้นจากความทุกข์ หรือมีความทุกข์ ก็ทุกข์ไม่มากและไม่นาน
ผมเขียนเรื่องนี้เป็นของฝากสำหรับผู้เริ่มสนใจศึกษาธรรมะ เพื่อบอกว่า ธรรมะ เป็นเรื่องธรรมดา ๆ เป็นเรื่องของตัวเราเอง และสามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากนัก ด้วยตัวเองอย่าพากันท้อถอยเสีย เมื่อได้ยินคนอื่นพูดธรรมะแล้วเราฟังเขาไม่รู้เรื่อง รู้แค่ว่า ทำอย่างไรเราจะไม่ทุกข์ ก็พอแล้ว เพราะนั่นคือใจความทั้งหมดของพระพุทธศาสนา ซึ่งจำเป็นที่คน ๆ หนึ่งควรจะเรียนรู้ไว้...
..............................
บุญรักษาทุกท่านที่เข้ามาอ่าน....ครับ
แด่เธอผู้มาใหม่ http://navy09.blogspot.com/2013/08/blog-post_8.html
...............................
ขอขอบพระคุณข้อมูลจากหนังสือ"วิถีแห่งความรู้แจ้ง ๑" โดย นายปราโมทย์ สันตยากร/" สันตินันท์"/"อุบาสกนิรนาม" พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น