ครั้งหนึ่ง ก็มีพราหมณ์ได้ทูลถามว่า
นิพพานเป็นอย่างไร ?
มีที่อยู่ที่ตั้งไหม ?
พระพุทธเจ้าอุปมาให้ฟังว่า
เปรียบเหมือนมีไฟอยู่ จุดไฟขึ้นมา
แล้วไฟมันดับพรึ่บ !
เข้าใจไหม ?
โลกธาตุทั้งหมด ก็คือจิตนั่นแหละ
ก้อนอวิชชาทั้งก้อน
ทุกอย่างเกิดที่ใจ แล้วก็จบที่ใจ
ถ้าจะดับที่เรียกว่า ดับด้วยนิพพาน
มันก็คือการดับสิ่งนี้แหละ ก้อนอวิชชา
สลายวิญญาณขันธ์ทั้งหมดเลย
เมื่อสิ่งนี้ถูกสลายตัวออกไป
มันเหมือนไฟที่ดับ
จะเข้าถึงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
โดยธรรมชาติเลย
เพราะฉะนั้น เราจะนิพพาน
เอาอะไรไปได้บ้างไหม ?
ขนบ้านเข้าไปได้ไหม ?
เอาทรัพย์สมบัติได้ไหม ?
แม้กระทั่งบุญบาป
ยังเอาไปไม่ได้เลย
สิ่งนี้เหนือบุญ เหนือบาป
พ้นดี พ้นชั่ว
สิ่งนี้ คือ ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
ซึ่งมีอยู่แล้วตลอดกาล
ไม่ต้องไปสร้างสิ่งอะไรเพิ่ม
แต่จะเข้าถึงได้ ต้องสละออก
การสละออก
ก็ไม่ได้ไปขายบ้านขายรถ
ไปนั่งเหมือนฤาษีชีเปลือยอยู่
อย่างนี้จะสละออกไหม ?
แต่จิตยังยึดอยู่เป็นยังไง ?
มันสละที่ใจ ก็คือ..
ต้องสามารถสลายอัตตาตัวตน
สิ่งนี้จะทำได้ ต้องอบรมสติปัฏฐาน 4
จนเกิดจิตตั้งมั่นก่อน
ต้องรวมมาเป็นตัวรู้ก่อน
จากจิตที่ส่งออก
มันจะไปสลายได้อย่างไร ?
พอจิตตั้งมั่น แล้วเปลื้องออกได้
เห็นการแตกดับของวิญญาณขันธ์ได้
จึงจะสามารถเพิกออก สลัดคืนได้
แล้วจึงจะเข้าถึงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
ภาษาพระท่านเรียกว่า "วิมุตติญาณทัศนะ"
การรับรู้ในระดับโลกุตตระ
ไม่ต้องใช้วิญญานขันธ์ รู้สักแต่ว่ารู้
การรับรู้ตรงนี้จะไม่มีการยึดติด
กับสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น
สภาวะประดุจหยดน้ำบนใบบัว
ผู้ที่ดับรอบเท่านั้น
ถึงจะอยู่กับสภาวะนี้ได้โดยสมบูรณ์
.
ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
12 สิงหาคม 2563
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น