...ฯลฯ...
สมาธิทำให้เกิดปัญญา เห็นแจ้งธรรมอย่างไร ?
เปรียบเหมือน " การมองดูเงาหน้าใน้ำ จะเห็นชัดก็ต่อเมื่อน้ำใสและนิ่งสงบ ฉันใด จะเห็นแจ้งสภาพธรรมที่ปรากฏในจิต ตามความเป็นจริง ก็ต้องอาศัยจิตที่ใสสะอาดและนิ่งสงบเป็นสมาธิ ฉันนั้น "
มีปัญหาสงสัยว่า "ฤาษีชีไพร นักบวชศาสนาอื่น ๆ ก็มีสมาธิถึงขั้นฌานเช่นกัน แต่ทำไมยังไม่เห็นแจ้งธรรม "
ตอบว่า ถึงน้ำในภาชนะจะใสนิ่งมองเห็นเงาหน้า แต่ถ้าผู้นั้นไม่รู้วิธีการ และไม่มีความเพียรที่จะโผล่หน้าไปดู ทอดสายตายมองลงในภาชนะน้ำนั้น การเห็นเงาหน้าในภาชนะใส่น้ำ ก็เกิดขึ้นไม่ได้!
และที่สำคัญ สมาธิมิใช่ว่าอยู่ดี ๆ จะเกิดขึ้นเอง เหมือนกับน้ำนิ่ง ก็เพราะเป็นน้ำที่ไม่ไหล ถูกนำมาใส่ไว้ในภาชนะที่ไม่มีรอยรั่ว และนิ่งไม่เคลื่อนไหว ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้สิ่งอื่นมากระทบได้ เพราะจะทำให้น้ำกระเพื่อมไม่นิ่ง หากน้ำไม่นิ่งก็จะเห็นเงาหน้าไม่ชัด การเกิดปัญญาเห็นแจ้งธรรมก็ดุจเดียวกัน ต้องประกอบด้วยอินทรีย์ ๕ คือ
๑. ความเชื่อมั่นในคำแนะนำว่า การตักน้ำสะอาดใส่ในภาชนะที่นิ่ง ช่วยมองให้เห็นเงาหน้าได้ชัด เช่นนี้ จัดเป็น ศรัทธา
๒. ความเพียรในการแสวงหาภาชนะและเพียรตักน้ำใส่ภาชนะ จัดเป็น วิริยะ
๓. ความระมัดระวังป้องกัน คอยเฝ้า ไม่ให้สิ่งอื่นมากระทบภาชนะ ประคองให้ภาชนะนิ่ง จัดเป็น สติ
๔. ความสงบนิ่งไม่กระเพื่อมของน้ำใส จัดเป็น สมาธิ
๕. ความที่ตัดสินใจยื่นหน้าไปดู แล้วเพียรเพ่งมองลงไปในภาชนะน้ำใสนั้น จนเห็นเงาหน้าชัดเจน จัดเป็น ปัญญา
และเมื่อปัญญาแก่กล้าอย่างเต็มที่ ก็ส่งผลกลับมาทำให้ศรัทธาและอินทรีย์อื่น ๆ แก่กล้าขึ้นไปอีก ตามกระบวนการ ปฏิจจสมุปบาทฝ่ายดับทุกข์ จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งธรรมคลาย อุปทาน จาก ขันธ์ ๕
...ฯลฯ...
(จากหนังสือ วินิจฉัย พอง-ยุบไม่ใช่วิปัสสนา ? พระภาวนาพิศาลเมธี วิ วัดพิชยญาติการาม วรวิหาร คลองสาน กทม.)
******
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น