พฤติกรรมที่เป็นบุญ ๔ อย่าง
ผู้ที่งดเว้นจากกายกรรมอันเป็นอกุศล ๓ อย่าง วจีกรรมอันเป็นอกุศล ๔ อย่าง มโนกรรมอันเป็นอกุศล ๓ อย่าง เท่านั้น จึงจัดว่าเป็นผู้ทำกุศลส่งผลให้ไปเกิดในสุคติก็หาไม่ แม้ผู้ที่ชักชวน ยินดี และพูดสรรเสริญ บุคคลอื่นในการประพฤติกุศลกรรมเหล่านั้น ก็จัดว่าเป็นกุศลกรรมนำไปสู่สุคติได้ทั้งสิ้น
ดังนั้น ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา จึงสรุปพฤติกรรมที่จัดเป็นกุศลได้ ๔ อย่าง คือ
๑.การทำ การพูด การคิดสิ่งที่เป็นกุศลด้วยตนเอง
๒.การชักชวนผู้อื่นให้ทำ ให้พูด ให้คิดสิ่งที่เป็นกุศล
๓.การยินดีกับบุคคล ผู้ทำ ผู้พูด ผู้คิดสิ่งที่เป็นกุศล
๔.การยกย่องสรรเสริญ ให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน บุคคลผู้ทำ ผู้พูด ผู้คิดสิ่งที่เป็นกุศล
สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในกัมปถวรรค อังคุตตรนิกาย ซึ่งขอยกมากล่าวแต่ใจความโดยย่อว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมได้ขึ้นสวรรค์ เหมือนมีคนอุ้มไปวางไว้ ธรรม ๔ ประการคือ
๑. เป็นผู้ทำเอง พูดเอง คิดเอง ๒.เป็นผู้ชักชวนผู้อื่นให้ทำ ให้พูด ให้คิด ๓.เป็นผู้ยินดีกับบุคคลผู้ทำ ผู้พูด ผู้คิด ๔.เป็นผู้สรรเสริญและผู้งดเว้นจาก ปาณาติบาท อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฐิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมได้ขึ้นสวรรค์ เหมือนมีคนมาอุ้มไปวางไว้
*******
(จาก หนังสือคู่มือ ธรรมศึกษาชั้นเอก ของสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง พ.ศ.๒๕๕๐)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น