*****
วันหนึ่ง พระอานนทเถระอยู่ในที่อันสงัดในเวลาเย็นคิดว่า พระพุทธเจ้าเคยทรงแสดงกลิ่นของไม้ไว้ ๓ อย่าง คือ กลิ่นที่เกิดจากดอก เกิดจากแก่น และเกิดจากราก กลิ่นเหล่านั้นฟุ้งไปตามลมได้เท่านั้น ฟุ้งไปทวนลมไม่ได้ กลิ่นอะไรหนอที่ฟฟุ้งไปทวนลมได้ ท่านได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทูลถามข้อสงสัย
พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาพระอานนทเถระ โดยใจความพระพุทธพจน์ว่า
" อานนท์ หญิงหรือชายก็ตามถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เว้นปาณาติบาท อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท สุราเมรัย เป็นผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม ยินดีในการจำแนกทาน มีอัธยาศัยน้อมไปในทางเสียสละ คนเช่นนี้ย่อมได้รับการกล่าวสรรเสริญจากสมณพราหมณ์ที่เป็นบัณฑิตทั้งหลาย กลิ่นแห่งความดีของเขาย่อมฟุ้งไปได้ทั้งตามลมและทวนลม "
ดังนี้แล้ว ได้ตรัสคาถาแปลความว่า
" กลิ่นดอกไม้ลอยไปทวนลมไม่ได้ กลิ่นจันทร์ กลิ่นกฤษณา หรือกลิ่นกะลำพัก ก็ลอยทวนลมไม่ได้ ส่วนกลิ่นของสัตบุรุษ ลอยไปทวนลมได้ เพราะสัตบุรุษฟุ้งไปได้ทุกทิศ บรรดากลิ่นหอมทั้งหลาย เช่น กลิ่นของไม้จันทน์ กฤษณา อุบล และมะลิ เป็นต้น กลิ่นแห่งศีลเป็นเยี่ยม " (อัง.เอก-ติก.๒๐/๕๑๙/๒๙๐)
******
(จากหนังสือ โลกสงบร่มเย็นด้วยศีล โดย สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พรหมคุตตฺโต) วัดบวรนิเวศวิหาร)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น