#ความเป็นผู้มักน้อย
#ความเป็นผู้สันโดษ
ก็คือ สันโดษในปัจจัยทั้ง 4
อาหารบิณฑบาต
จีวร เครื่องนุ่งห่ม
เสนาสนะ ที่อยู่อาศัย
เภสัช ยารักษาโรค
ก็ตามมีตามได้ ใช้แต่น้อย
ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้นเอง
ใช้เพียงเพื่อยังอัตภาพให้เป็นไป
ถ้าเราสะสมมาก ก็กลายเป็น
พอกกิเลสในใจของเรา
แล้วห้วงน้ำแห่งตัณหาเนี่ย
มันไม่เต็ม แต่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ
เราก็ต้องพิจารณาตนเอง
เตือนตนเองอยู่เสมอ
เราเข้ามาบวชเพื่ออะไร ?
เป็นวิถีของการขัดเกลา
เพื่อละออก เพื่อสละออก
ไม่ใช่สะสมเข้า
ถ้ามีความจำเป็นต้องพูดคุย
ก็พูดเท่าที่จำเป็น
ที่เรียกว่า กถาวัตถุ 10
ก็คือ พูดเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับ..
ความมักน้อย ความสันโดษ ความสงบสงัด
ความไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ
การปรารภความเพียร ความมีสติ มีสมาธิ
มีปัญญา มีวิชชา มีวิมุตติ
คือ พูดในเรื่องที่น้อมไป
พื่ออรรถเพื่อธรรมเท่านั้นเอง
ก็ละเรื่องทางโลกเสีย
#ความเป็นผู้ปรารภความเพียร
ก็เพียรละอกุศลธรรมต่าง ๆ
เพียรยังกุศลธรรม ให้ถึงพร้อม
#ความเป็นผู้มีสติตั้งมั่น
ก็เป็นผู้มีการระลึกในกายตนเองอย่างมั่นคง
เป็นผู้มีความรู้ได้อย่างมั่นคง
แม้กิจ หรือคำพูดที่เราทำไปแล้ว
แม้นาน ก็ยังสามารถระลึกได้
ระลึกได้ไหมว่า ในแต่ละวันเราทำกิจอะไรไป
เราพูดอะไรไป เรามีสติในทุกการกระทำ
ในทุกคำพูดหรือเปล่า ?
ผู้ที่มีสติตั้งมั่น พระองค์ตรัสว่า...
" ย่อมระลึกถึงกิจ และคำที่เราพูดไป
แม้นานแล้วได้ "
ไม่ใช่หลง ๆ ลืม ๆ ไม่ใช่เป็นผู้หลงลืมสติ
รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา รู้ว่ากำลังทำอะไร
กำลังคิดอะไร กำลังพูดอะไร
แม้ย้อนกลับก็สามารถระลึกได้
ไม่ใช่เป็นผู้มีสติหลงลืม
อันนี้คือความหมาย ของผู้ที่มีสติตั้งมั่น
#ความเป็นผู้มีจิตมั่นคง
ก็คือ บำเพ็ญสมณธรรม
จนสงัดจากกาม และอกุศลธรรม
ก็เข้าถึงปฐมฌาน ทุติยฌาน
ตติยฌาน จตุตถฌาน
เป็นผู้ที่มีสติมั่นคง มีจิตตั้งมั่น
เข้าถึงสัมมาสมาธิ มีความสงบระงับ
อันเกิดจากความวิเวกนั่นเอง
#ความเป็นผู้มีปัญญา
ก็เป็นผู้รู้ความเป็นไปของสังขาร
การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
มีปัญญา น้อมไปเพื่อการปล่อยวาง
เพื่อการหลุดพ้น
#ความเป็นผู้ที่ชอบใจในธรรมที่ไม่เนิ่นช้า
ก็คือ ถ้าเราบำเพ็ญอย่างนี้
ก็สามารถหลุดพ้นได้ไว
เข้าถึงธรรมที่หลุดพ้นจากธรรม
เครื่องเนิ่นช้าทั้งหลายทั้งปวง
ก็คือ พวกกิเลส ตัณหา อุปาทาน
เพราะฉะนั้น วิถีของสมณะ
ก็จะเป็นเรื่องของการฝึกฝน
ขัดเกลาตนเองอยู่เนือง ๆ
มหาปุริสวิตก เอาไปตรึกนึกอยู่เป็นประจำได้
คุณสมบัติที่จะทำให้เข้าถึงความเป็นมหาบุรุษ
ก็คือ ผู้แกล้วกล้าในธรรม
ผู้ที่สามารถชนะข้าศึกที่ชนะได้ยากยิ่ง
ก็คือ ข้าศึกภายในใจของเรา
กิเลสตัณหา ภายในใจเรานั่นเอง
ท่านผู้รู้ท่านกล่าวไว้ว่า…
ท่านมองไปทั่วจักรวาล ทั้งมหาจักรวาล
ก็ไม่เห็นข้าศึกอะไรที่ร้ายกาจ
เท่าข้าศึกภายในใจของเรานี่แหละ
กิเลส ตัณหา อุปาทาน
ชนะกิเลสในใจตัวเอง ชนะตนเองได้
จึงจะได้ชื่อว่า เป็นมหาบุรุษนั่นเอง
เพราะฉะนั้น มหาปุริสวิตก
เอาไปตรึกนึกอยู่เป็นประจำ
ท่านพระอนุรุทธะ นำพระพุทธดำรัสนี้
ไปตรึกนึก จนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
มหาปุริสวิตก 8 ประการ จำกันได้ไหม ?
• ความเป็นผู้มักน้อย
• ความสันโดษ
• ความสงบสงัด
• ความปรารภความเพียร
• ความเป็นผู้มีสติตั้งมั่น
• มีจิตมั่นคง
• มีปัญญา
• เป็นผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่เนิ่นช้า
ยินดีในธรรมที่ไม่เนิ่นช้า
ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
2 กันยายน 2564
*****
Cr. https://www.facebook.com/707600716067818/posts/2012855018875708/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น