อาจารย์เฒ่าเล่าว่า...ขึ้นชื่อว่าคนแล้ว มีแต่เรื่องยุ่ง ที่ยุ่งเพราะมันมี "ปัญหา" ที่มีปัญหาเพราะมันมี"ตัณหา" คนศึกษาธรรมะมักไม่ค่อยมีปัญหา แต่บ่อยครั้งต้องคอยแก้ปัญหาให้ผู้อื่น จึงต้องมี"สัมมาทิฐิ" ความเห็นชอบเป็นตัวนำ คือ "หาสาเหตุให้พบก่อน" แล้วจึงค่อยแก้ ไม่เช่นนั้นบางทียิ่งแก้มันยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ เลยต้องพึ่งพาผีสางเทวดา เจ้าพ่อเจ้าแม่ ทำพิธีแก้กันวุ่นวายเสียเงินเสียทองโดยใช่เหตุ ถูกหลอกลวงก็เยอะแยะ...แย่(ซวย)ซ้ำสอง
คนมีปัญหากลุ้มใจคิดไม่ตกจะกินยาตาย จะผูกคอตาย เป็นเพราะ"ขาดสติ" อารมณ์จึงครอบงำจิตให้คิดผิด ต้องแก้ด้วย"พุทธวิธี" เป็นอันดับแรกก็คือการ"เรียกสติ" กลับคืนมาก่อน เมื่อเริ่มมีสติมันจึงจะคุยกันรู้เรื่องหาสาเหตุได้ถูก จึงจะแก้ได้ตก
"พุทธวิธี" สำหรับพระในนิกายเซ็นหรือเต๋ามัก"เรียกสติ" ลูกศิษย์ที่นั่นเหม่อตามอารมณ์ด้วยการตบหลัง ตบขาแรงๆ ให้สดุ้งตื่นจากอารมณ์..สติโผล่!!! คนอกหักบ่นเพ้อร่ำไรในความรักที่มีต่อคนรักมากมาย อาจเรียกสติด้วยการถามย้อนถาม เช่น...เธอรักและทำดีต่อเขามากใช่ไหม? (...ใช่...) เธอคบเขามา ๕ - ๖ ปี ใช่ไหม? (...ใช่...) แล้วเธอคบพ่อแม่ของเธอมายี่สิบกว่าปีแล้ว...เคยรักและทำความดีให้ท่านบ้างหรือยัง? (...งง...) สติเริ่มโผล่...ก็เปลี่ยนเรื่อง...ชวนคุยเรื่องพ่อแม่ของเธอซะเลย...อย่างคนจะกินยาตาย ถ้าเราพอมองหรือเดาออก เราก็แกล้งชวนคุยถกปัญหาว่า จะฆ่าตัวตายวิธีไหนดี...วิธีนี้ทรมานยังไง...ตายแล้ววิญญาณจะไปเจออะไรต่อ...เจอผี...พญายมหรือยมฑูต? ก็ว่าไปเรื่อยๆ...เดี๋ยวเขาเริ่มมองว่าเราบ้า...นี่เขาเริ่มสติแล้ว ! บางคนคิดมาก...บ่นว่าคิดไม่ตก..ๆ...ๆ...เราอาจแหย่เล่นว่า..."ผม(กู)ว่า..คุณ(มึง) คิดจนตกเหวไปแล้วละ(ว่ะ)..!" แล้วเขาอาจจะยัอนด่ากลับมาว่า "กวน"...ก็ลองๆ ดู ช่วยคนบางทีก็ต้องยอมถูกด่าหน่อยถือว่าสร้างบารมี...สนุกดี...พอมีสติมาแล้วก็คุยหาสาเหตุและทางแก้ไขกันต่อไปนะ...สนุกดี...โชคดี..ๆ..
****************
Cr. จากหนังสือคู่มือการดับทุกข์ อนุสรณ์งานฌาปนกิจ คุณแม่ประเสริฐ พันธ์สอาด วันอาทิตย์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น