คำเซน เป็นภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีนว่า “เสี้ยง”
และเสียงกลางว่า“ฉัน” คือ “ฌาน” นั่นเอง
นิกายนี้เจริญมาก ทั้งในยุโรป อเมริกา
เมื่อพระโพธิธรรม ท่านตั๊กม้อ ชาวอินเดีย
จาริกไปเผยแผ่ธรรมที่เมืองจีนสมัยต้นศตวรรษที่ ๑๐
จาริกไปเผยแผ่ธรรมที่เมืองจีนสมัยต้นศตวรรษที่ ๑๐
ความเป็นมาเมื่อครั้งพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฎ ทรงชูดอกไม้ขึ้นดอกหนึ่งท่ามกลางที่ประชุม โดยมิได้ตรัสอะไรเลย ที่ประชุมไม่มีผู้ใดเข้าใจความหมาย เว้นแต่พระมหากัสสปะที่เข้าใจทันที
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า กัสสปะ ตถาคตมีธรรมจักษุได้ และนิพพาน
ตถาคตมอบหมายให้แก่เธอ ณ บัดนี้ เซนจึงเคารพพระกัสสปะว่า ผู้ให้กำเนิดนิกาย ต่อมาก็สืบเนื่องกันมา ถึงพระโพธิธรรม ท่านตั๊กม้อ ลำดับที่ ๒๘
ตถาคตมอบหมายให้แก่เธอ ณ บัดนี้ เซนจึงเคารพพระกัสสปะว่า ผู้ให้กำเนิดนิกาย ต่อมาก็สืบเนื่องกันมา ถึงพระโพธิธรรม ท่านตั๊กม้อ ลำดับที่ ๒๘
เมื่อพระโพธิธรรมจาริกมาเผื่อแผ่ธรรมที่เมืองจีนแล้ว ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าเหลียงบูฮ่องเต้
พระเจ้าเหลียงบูฮ่องเต้ ตรัสถามว่า ข้าพเจ้าได้สร้างวัดบวชพระเป็นจำนวนมาก ไม่ทราบว่าจะมีอานิสงส์มากเพียงไร ท่านตั๊กม้อ ตอบว่าไม่มีเลย เพราะกุศลกรรมเหล่านั้นเป็นวัฏฏคามี
(วัฎฎคามีกุศล แปลว่า กุศลเป็นทางสู่วัฏฏะ
กุศลนี้ สิ้นสุดกันตรงสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ในมนุษย์โลก)
กุศลนี้ สิ้นสุดกันตรงสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ในมนุษย์โลก)
ฮ่องเต้ไม่ทรงพอพระทัยจึงไม่ทรงอุปถัมภ์ พระโพธิธรรมจึงไปจำพรรษา ณ วัดเซียมลิ่มยี่ นั่งเข้าฌานหันหน้าเข้าฝาผนังอยู่ ๙ ปี ต่อมาท่านจึงได้มอบหมาย ลัทธิของท่านให้สมณะจีนตั้งเป็นนิกายเซนขึ้น เซน "ไม่ต้องอาศัยตัวอักษร ชี้ตรงไปที่ดวงจิตของมนุษย์ เห็นแจ้งในความจริงสำเร็จเป็นพุทธะ"
เซนถือว่า การบรรลุมรรคผลนั้น ไม่ใช่อยู่ที่ตัวบทอักษร หรือความรู้ในด้านปริยัติแต่ต้องอยู่ที่การขัดเกลาจิตของตนเป็นสำคัญ แม้ทรงพระไตรปิฎกก็ใช้ไม่ได้ ถ้าไม่เข้าถึงปฏิบัติ
เซน มุ่งสอนให้เป็นสุขโดยเห็นว่าการหลุดพ้นโดยใช้ปัญญา ใครก็ตามเข้าใจและรู้ถึงจิตใจของตนเองว่า
เป็นอะไร เขาก็หลุดพ้นแล้ว เพราะ รู้จิต รู้ใจ ก็จะรู้ว่าตอนไหน มีกุศล มีอกุศล ไม่มีกุศล ไม่มีอกุศล แยกแยะได้ รู้การทำให้จิต ให้ใจหลุดจากอกุศล ก็หลุดจากความทุกข์ได้
เซนจึงถือปัญญาเป็นสำคัญ ใครมีปัญญา ก็เข้าถึงเข้าใจได้
ดังนั้นคนที่จะเข้าถึงเซนได้ ต้องมีปัญญบารมีมา มีการสะสมปัญญามา
ระดับหนึ่ง จึงเรียนลัดได้
ดังนั้นคนที่จะเข้าถึงเซนได้ ต้องมีปัญญบารมีมา มีการสะสมปัญญามา
ระดับหนึ่ง จึงเรียนลัดได้
===========================================
เนื่องจากระดับปัญญาคนไม่เท่ากัน บางคนเรียนลัดได้ บางคนเรียนลัดไม่ได้
ก็ปฏิบัติไปตามลำดับได้ "อนุปุพพิกถา" จงพิจารณาตนเองและเลือกให้ถูกต้องเหมาะสมกับตนเอง ก็จะทำให้ไปถึงและถูกทางได้
ก็ปฏิบัติไปตามลำดับได้ "อนุปุพพิกถา" จงพิจารณาตนเองและเลือกให้ถูกต้องเหมาะสมกับตนเอง ก็จะทำให้ไปถึงและถูกทางได้
วิวัฏฏคามีกุศล บุญกุศลที่ให้ถึงวิวัฏฏ์ คือพระนิพพาน กุศลนี้สิ้นสุดกันที่มรรคผลและนิพพานสมบัติ
วัฎฎคามีกุศล แปลว่า กุศลเป็นทางสู่วัฏฏะ กุศลนี้ สิ้นสุดกันตรงสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ในมนุษย์โลก
วัฎฎคามีกุศล แปลว่า กุศลเป็นทางสู่วัฏฏะ กุศลนี้ สิ้นสุดกันตรงสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ในมนุษย์โลก
การสร้างกุศลแบบวัฏฏคามี แม้จะเป็นการสร้างกุศลที่มีผลให้วนอยู่ในวัฏฏะ เพราะหวังผลตอบแทนต่อตนมากกว่าการสร้างกุศลเพื่อประดับจิต คือ เพื่อให้จิตเป็นสมาธิได้ง่ายขึ้น
เพื่อจิตเป็นสมาธิแล้วก็ไปพิจารณาธรรมเพื่อหลุดพ้นต่อไป แต่ก็จัดเป็นสัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูกเพียงแต่เป็นสัมมาทิฏฐิที่เป็นโลกิยะ เพราะหากไม่เห็นว่า บุญมีผล จะเป็นมิจฉาทิฏฐิไป
เมื่อพระพุทธองค์สอนสัตว์ ทรงสอนตามระดับอินทรีย์ พวกที่ยังก้าวล่วงความรู้สึกว่าเป็นตนไปไม่ได้ ก็ทรงสอนให้สร้างบุญกุศล ซึ่งก็คือวัฏฏคามีนี้เอง แต่ก็ทรงชี้ให้เห็นความเศร้าหมองของกาม
อานิสงส์ของการหลีกออกจากกามด้วย เมื่อสัตว์พร้อม ก็ทรงยกอริยสัจสี่ขึ้นมาตรัส เพื่อให้สัตว์เห็นทางออกจากวัฏฏะ
เรียนไปตามลำดับ
เมื่อพระพุทธองค์สอนสัตว์ ทรงสอนตามระดับอินทรีย์ พวกที่ยังก้าวล่วงความรู้สึกว่าเป็นตนไปไม่ได้ ก็ทรงสอนให้สร้างบุญกุศล ซึ่งก็คือวัฏฏคามีนี้เอง แต่ก็ทรงชี้ให้เห็นความเศร้าหมองของกาม
อานิสงส์ของการหลีกออกจากกามด้วย เมื่อสัตว์พร้อม ก็ทรงยกอริยสัจสี่ขึ้นมาตรัส เพื่อให้สัตว์เห็นทางออกจากวัฏฏะ
เรียนไปตามลำดับ
"อนุปุพพิกถา" จึงเป็นวิธีเตรียมใจ เพื่อฟอกอัธยาศัยของสัตว์ให้หมดจดเป็นๆ จากง่ายไปหายาก
@@@@@@@@@@@@@@
(จาก Facebook ;
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น