....วิชชา ๓ ที่ได้แสดงไปแล้วก็คือ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ความรู้จักระลึกขันธ์เป็นที่อาศัยอยู่ในปางก่อนได้ หรือที่เรียกง่ายๆ
ว่าระลึกชาติได้ ๒ จุตูปปาตญาณความรู้จักจุติคือความเคลื่อน
และอุปบัติคือความเข้าถึง ชาตินั้นๆ ของสัตว์ทั้งหลาย ว่าเป็นไปตามกรรม อาสวักขยญาณ ความรู้เป็นเหตุสิ้นอาสวะกิเลสที่ดองจิตสันดาน
วิชชา ๘ ที่จะแสดงในวันนี้ ก็คือมีเติมเข้าอีก ๕ ข้อข้างต้น ส่วน ๓
ข้อข้างหลังก็คือวิชชา ๓ นั้นเอง ๕
ข้อข้างต้นที่เติมเข้ามานั้น ก็คือ วิปัสสนาญาณ ความรู้จักด้วยความรู้แจ้งเห็นจริงในกายนี้ซึ่งมีวิญญาณอาศัยอยู่
ว่าเป็นไปตามคติธรรมดาคือโดยไตรลักษณ์ อันได้แก่การที่มาพิจารณากายใจนี้
หรือนามรูปนี้โดยไตรลักษณ์ ว่ากายนี้อันเป็นส่วนรูป ประกอบด้วยธาตุดินน้ำไฟลม
อาศัยอาหารมีข้าวเป็นต้นบำรุงเลี้ยง เป็นของไม่เที่ยง
ต้องทะนุบำรุงมีบีบนวดเยียวยารักษาต่างๆ เป็นต้น และแม้นามคือความรู้เป็นสุขเป็นทุกข์เป็นกลางๆ
ไม่ทุกข์ไม่สุข ความรู้จำได้หมายรู้ ความรู้คิดปรุงหรือปรุงคิด
ความรู้ที่เรียกว่าเห็นที่ได้ยินได้ทราบที่ได้คิดได้รู้ทางอายตนะ...(สมเด็จพระญาณสังวร)
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น