#เล่าสู่กันฟัง..แบ่งปัน..แลกเปลี่ยน..เรียนรู้..ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียน..
ท่านชยสาโร ภิกขุ...การปฏิบัติไม่ต้องมีการคาดหวัง แต่ตั้งเป้าหมายไว้กับตัวเอง ตั้งเป้าหมายไว้ที่การทำความเพียรอย่างเต็มความสามารถก็ได้ ถ้าไม่มีเป้าหมาย การปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ก็จะปฏิบัติเลื่อนลอยไปก็ได้ นั่งสมาธิแต่ละครั้ง ไม่ใช่พอนั่งขัดสมาทแล้ว ต้องเริ่มดูลมหายใจทันที ดูสภาวะจิตของตัวเองก่อนว่าพร้อมใหม แล้วก็ดูนิวรณ์ต่าง ๆ ว่ามีใหม....
นิวรณ์ คือ กิเลส ๕ อย่าง ที่กั้นจิตมิให้บรรลุธรรม คือ ๑. กามฉันทะ (ความพอใจในกาม) ๒.พยาบาท(การปองร้ายผู้อื่น) ๓.ถีนมิทธะ(จิตหรี่ ง่วงซึม หดหู่) ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ(ความฟุ้งซ่านรำคาญ) ๕.วิจิกิจฉา(ความลังเล สงสัย)
ท่านชยสาโร ภิกขุ
ตอบลบ...การปฏิบัติไม่ต้องมีการคาดหวัง แต่ตั้งเป้าหมายไว้กับตัวเอง ตั้งเป้าหมายไว้ที่การทำความเพียรอย่างเต็มความสามารถก็ได้ ถ้าไม่มีเป้าหมาย การปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ก็จะปฏิบัติเลื่อนลอยไปก็ได้ นั่งสมาธิแต่ละครั้ง ไม่ใช่พอนั่งขัดสมาทแล้ว ต้องเริ่มดูลมหายใจทันที ดูสภาวะจิตของตัวเองก่อนว่าพร้อมใหม แล้วก็ดูนิวรณ์ต่าง ๆ ว่ามีใหม....
นิวรณ์ คือ กิเลส ๕ อย่าง ที่กั้นจิตมิให้บรรลุธรรม คือ ๑. กามฉันทะ (ความพอใจในกาม) ๒.พยาบาท(การปองร้ายผู้อื่น) ๓.ถีนมิทธะ(จิตหรี่ ง่วงซึม หดหู่) ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ(ความฟุ้งซ่านรำคาญ) ๕.วิจิกิจฉา(ความลังเล สงสัย)
ตอบลบ