หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2566

อยู่กับปัจจุบัน


 ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่ 

.............................

ความรู้ในทุกข์ สัมมาทิฏฐิความเห็นชอบ 

ถามว่าเห็นอย่างไรจึงเรียกว่าความเห็นชอบ

พระองค์ก็ขยายความว่า

คือความรู้ในทุกข์ ความรู้ในเหตุแห่งทุกข์

ความรู้ในความดับทุกข์ 

ความรู้ในข้อปฏิบัติถึงความดับแห่งทุกข์

เป็นสัมมาทิฏฐิ 


ถ้าเรารู้ทุกข์โดยความเป็นทุกข์ 

ตั้งแต่ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่ ความตาย

ความเศร้าโศกพิไรรำพัน 

ทุกข์กายทุกข์ใจ คับแค้นใจ

ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์ทั้งห้าเป็นตัวทุกข์ 

มองให้เห็นสิ่งเหล่านี้

มันจะทำให้เราไม่เอาแล้ว ไม่หลงไม่ติด 

ไม่ปรารถนาในขันธ์ห้า ในกองทุกข์อีก


ทำไฉนถึงจะทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ได้

น้อมไปจิตใจจะต้องน้อมไปสู่ความหลุดพ้น

ถ้าใจไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ 

มันก็ไม่ปรารถนาจะพ้น ก็ไม่ได้พ้น 

ต้องเห็นโทษ เห็นทุกข์เห็นโทษ เห็นภัย

การเกิด แก่ เจ็บ ตาย 


ฉะนั้น พระโพธิสัตว์ตอนที่

พระพุทธเจ้าตอนที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ชาติสุดท้าย

ที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ก็พระองค์เห็นคนแก่

คนเจ็บ คนตาย สละเลย ออกบวชเลย

คือความสลดสังเวชสูงมาก 

มองเห็นหมด เห็นทุกข์หมด

เห็นทุกข์ทั้งหลาย สละเลย ออกบวช 


ฉะนั้น ถ้าเราพิจารณาบ่อย ๆ 

พิจารณามาก ๆ เนือง ๆ

เป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็บรรเทาความหลงใหล 

ความประมาท ประมาทในชีวิตลงได้ 

อาศัยความเกิดมาแก้กิเลส 

เกิดมาแล้วไม่หาหนทาง

ตัดกิเลสมันก็เสียโอกาส 


อาศัยเกิดเป็นคนต้องมา

ฝึกฝนตนเอง เดี๋ยวหมดโอกาส

อาศัยความแก่เพื่อพบจริงแท้แห่งสังขาร

ถ้าเราแก่แล้วเราพิจารณาความแก่ได้ประโยชน์

มันอยู่กับตัวได้พิจารณาได้ลึกซึ้ง 

อาศัยความตายเพื่อสลายตัวตน 

พิจารณาเกิดความไม่ประมาทในชีวิต

ขวนขวายพากเพียร 

ที่สุดละความเป็นตัวตน

แล้วที่ตายนี่มันก็ไม่ใช่ตัวตน 

ขันธ์ห้าแตกดับไป ขันธ์ห้าก็เป็นอนัตตา 


อาศัยความเจ็บป่วยช่วยเราไม่ประมาท

ถ้าไม่พิจารณามันก็ป่วยไปฟรี ๆ 

ป่วยแล้วก็พิจารณา

บางคนป่วยมากจะได้ไม่ประมาท 

ขวนขวายพากเพียร ประพฤติคุณงามความดี

 

อาศัยความพลัดพรากเพื่อจากจะได้ไม่เจ็บ

พิจารณาให้มันดี เราได้ธรรมะ 

ถึงเวลาพลัดพราก

ต้องจากก็จะได้ไม่ต้องมาทุกข์ 


อาศัยความทุกข์เพื่อให้เห็นธรรม

บางคนไม่ทุกข์ หลงชีวิตไปตลอดจนตาย

คนบางคนพอทุกข์ถึงหันเข้าหาธรรม เลยได้ดี

ก็ต้องขอบคุณความทุกข์ หรือแม้การปฏิบัติ

เราก็ยังต้องดูความทุกข์ ต้องรู้กองทุกข์

รู้ขันธ์ห้าคือรู้ทุกข์ ถึงจะไปสู่ความพ้นทุกข์


ฉะนั้น ธรรมะทั้งหลายเราก็รู้หมด เข้าใจ

เหลือแต่จะนำมาปฏิบัติ 

การปฏิบัติก็ไม่ได้ทำอะไร

ให้มันยุ่งยากมากเรื่อง มีแต่ทำให้มันน้อยลง

ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก 

มีแต่เลิกคิด หยุดความคิดถึงอดีต

หยุดความคิดถึงอนาคต 

อยู่กับปัจจุบันอย่างไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน


คำสอนพระพุทธเจ้าตรัส 

อย่าอาลัยในอดีต 

อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว 

ถ้าเราคิดถึงอดีตด้วยความอาลัย

จิตเป็นอกุศล เศร้าหมอง 

แต่ถ้าคิดเอามาเป็นประโยชน์เป็นครู

เห็นทุกข์เห็นโทษเป็นครู เป็นประสบการณ์ก็ได้

คิดถึงอดีตด้วยความอาลัย อาลัยอาวรณ์ 

คร่ำครวญกับสิ่งที่ผ่าน ท่านไม่ให้ไปอย่างนั้น 


อย่าพะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง 

แล้วก็ต้องอยู่กับปัจจุบัน

อย่างไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน

อยู่กับปัจจุบันอย่างดีคือมีสติ วางใจให้เป็น

ฉะนั้น การภาวนาก็จะเป็นอย่างนี้

รู้ ละ รู้ปล่อย รู้วาง วางลง ปลงได้ เท่านั้น

.............................

ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี

เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา

*****

Cr.https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0372a6qsYeRrNfSgQqqLUiDfLJhSKGhdnfo1kiaJhhErydmWkNPGsJjMYQTz6wU6hal&id=100050180992815&mibextid=Nif5oz

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น